xs
xsm
sm
md
lg

รั่วแค่ 5 พันลิตร! “สุริยะ-สาธิต” ขึ้น ฮ. สำรวจพื้นที่ “คราบน้ำมันรั่วมาบตาพุด”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และนายสาธิต ปิตุเตชะ นำทีมผู้เกี่ยวข้องเหตุน้ำมันรั่วไหล บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม พื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ตรวจสอบข้อเท็จจริง ยืนยันจะสามารถเคลียร์คราบน้ำมันได้ทั้งหมด ขณะที่ตัวเลขของปริมาณน้ำมันที่เหลืออยู่ที่ 5,000 ลิตร สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง พร้อมสรุปรายงานผลทันที


เมื่อวานนี้ (27 ม.ค.2565) นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า กรณีเหตุน้ำมันรั่วไหลของ บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม พื้นที่ท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด จังหวัดระยอง นายกรัฐมนตรี (พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา) ได้แสดงความเป็นห่วงอย่างมากโดยเฉพาะผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและประชาชนในพื้นที่ รวมถึงอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว จึงได้สั่งการให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเร่งตรวจสอบหาข้อเท็จจริงดังกล่าว เนื่องจากการรายงานข่าวในเบื้องต้นมีการรายงานตัวเลขของปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลออกมาว่ามีจำนวน 4 แสนลิตร ซึ่งเป็นการประเมินเบื้องต้นในช่วงของการเกิดเหตุการณ์กลางดึกของวันที่ 25 มกราคม 2565 ซึ่งต่อมาทางบริษัทฯ ได้มีการส่งนักประดาน้ำลงสำรวจจุดเกิดเหตุ พบว่า มีปริมาณน้ำมันที่รั่วไหลอยู่ที่ประมาณ 50,000 ลิตร ซึ่งจากการดำเนินการควบคุมพื้นที่และกำจัดคราบน้ำมันในช่วงคืนที่ผ่านมา (26 มกราคม 2565) สามารถกำจัดออกไปได้ 45,000 ลิตร จึงเหลือตกค้างอยู่ประมาณ 5,000 ลิตร คาดว่าภายในวันนี้จะสามารถดำเนินการจนกลับเข้าสู่ภาวะปกติได้

“จำนวนของคราบน้ำมันที่เหลืออยู่ประมาณ 5,000 ลิตร ผมเชื่อมั่นว่าจะไม่ส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะที่บริเวณหาดแม่รำพึงที่มีการเกรงว่าอาจส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวนั้น ยืนยันไม่ส่งผลกระทบอย่างแน่นอน ขณะเดียวกันเราจะมีการตั้งคณะกรรมการเพื่อร่วมกันตรวจสอบข้อเท็จจริง ซึ่งประกอบไปด้วย กระทรวงคมนาคม (กรมเจ้าท่า) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงอุตสาหกรรม โดยเบื้องต้น ได้มีการหารือกับรัฐมนตรีทั้ง 3 กระทรวงเรียร้อยแล้ว เพื่อสอบสวนหาสาเหตุของการรั่วไหลในครั้งนี้ รวมทั้งหามาตรการหรือแนวทางในการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ขึ้นซ้ำอีก” นายสุริยะ กล่าว

นายสาธิต ปิตุเตชะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวเสริมว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อเทียบกับปี 2556 ที่เคยเกิดการรั่วไหลของน้ำมัน และส่งผลกระทบในวงกว้างนั้น จากการตรวจสอบทั้งในส่วนของปริมาณน้ำมัน กระแสคลื่นลมและทิศทางลมในวันนี้ มีความมั่นใจว่าจะสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ แต่อย่างไรก็ตามทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องจะต้องมีการติดตามความเสียหายในทุกมิติ ทั้งในแง่ของเศรษฐกิจ คุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อม ซึ่งได้มีการประสานไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อให้มีการตรวจสอบผลกระทบสิ่งแวดล้อมและความเสียหายในทุกมิติ

ขณะที่ นายวีริศ อัมระปาล ผู้ว่าการการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวเสริมว่า ล่าสุดจากการสำรวจทางอากาศได้พบว่า คราบน้ำมันได้ลอยเข้าใกล้ชายฝั่งมากขึ้น แต่ยังห่างจากฝั่งประมาณ 10 กิโลเมตร โดยการดำเนินการหลังจากนี้ บริษัทฯจะทำการประเมินการเคลื่อนตัวและลักษณะของคราบน้ำมัน จัดเตรียมแผนในการเก็บกู้คราบน้ำมันในทะเลโดยใช้เครื่องมือขจัดคราบน้ำมัน (Skimmer : อุปกรณ์สกิมเมอร์ (Skimmer) เพื่อทำการเก็บคราบน้ำมันขึ้นไปเก็บในภาชนะที่เตรียมไว้บนเรือ) รวมถึงการทดลองใช้แบคทีเรียในการเพิ่มประสิทธิภาพในการขจัดคราบน้ำมันตามคำแนะนำของอธิบดีกรมควบคุมมลพิษ และจัดเตรียมอุปกรณ์และกำลังพล เพื่อเก็บกู้คราบน้ำมันบริเวณชายฝั่ง(ถ้ามี)เพื่อป้องกันผลกระทบต่อระบบนิเวศน์ชายฝั่ง

“กนอ.ได้กำชับไปทางบริษัทฯให้เพิ่มการดูแลความปลอดภัย จัดหาอุปกรณ์ต่างๆเข้ามาช่วยเสริมประสิทธิภาพในการจัดการปัญหาที่เกิดขึ้น โดยขอให้เสร็จสิ้นภายในวันนี้ (27) ขณะเดียวกันได้รับรายงานว่า คราบน้ำมันได้ใกล้ชายฝั่งเข้ามามากขึ้น จึงได้มีการจัดทีมสำรวจพื้นที่บริเวณแนวริมชายหาดที่คาดว่าอาจจะเกิดผลกระทบ เริ่มตั้งแต่ปากอ่าวตากวนจนถึงปากน้ำ แต่ยืนยันว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ร้ายแรงเท่ากับสถานการณ์ ปี 2556 และในส่วนของคราบน้ำมันเองก็มีความรุนแรงน้อยกว่า”นายวีริศ กล่าว

ด้าน นายพงษ์กรณ์ ช่อชูวงศ์ ผู้จัดการฝ่ายบริหารระบบ และความปลอดภัย คุณภาพสิ่งแวดล้อม และอาชีวอนามัย บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม กล่าวว่า ล่าสุดบริษัทฯ ได้ทำการฉีดพ่นน้ำยาขจัดคราบน้ำมัน โดยทางเรือและเฮลิคอปเตอร์ ที่ได้รับความร่วมมือจากจากกองทัพเรือภาคที่ 1 โดยพบว่า สามารถลดปริมาณคราบน้ำมันและพยายามควบคุมให้อยู่ในวงจำกัดได้แล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ยินดีรับผิดชอบและเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้น รวมทั้งจัดให้มีสายด่วนรับเรื่องร้องเรียน ที่หมายเลข 038 699 090 ซึ่งหากพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากกรณีดังกล่าว สามารถติดต่อได้ตลอด 24 ชม.


กำลังโหลดความคิดเห็น