กาญจนบุรี - หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีฯ นำทีมบุกยึดไม้ยางนาแปรรูป แค่ต้นเดียวมูลค่ากว่า 1 แสนบาท หลังพลเมืองดีแจ้งเบาะแส พร้อมคุมตัวเจ้าของดำเนินคดีหลายข้อหา
วันนี้ (21 ม.ค.) นายยุทธพงค์ ดำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ นายวิกรานต์ กลัดตลาด หัวหน้าหน่วยป้องกันรักษาป่าที่ กจ.13 (แสวงบ่า) ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีที่ไม่ประสงค์ออกนามว่า มีการลักลอบทำไม้แปรรูปในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ท้องที่หมู่ 2 บ้านสะพานลาว ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ หลังรับแจ้งนายยุทธพงค์ จึงสั่งการให้เจ้าหน้าที่อุทยานฯเขื่อนศรีนครินทร์ออกหาข่าว จนกระทั่งทราบว่าบ้านเป้าหมายอยู่ที่บริเวณพิกัด 47 P 0475453 E 1627473 N ป่าบ้านสะพานลาว หลังทราบจึงนำกำลังเจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบ พร้อมประสานนายวิจารย์ อ่อนคำ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 2 เข้าร่วมตรวจสอบ
เมื่อไปถึงบ้านเป้าหมาย เจ้าหน้าที่พบชาย 1 คนอยู่ในพื้นที่ ทราบชื่อคือ นายเกษม ส่องสว่าง อายุ 54 ปี เจ้าของบ้าน เลขที่ 27/37 หมู่ 2 ต.สหกรณ์นิคม อ.ทองผาภูมิ เจ้าหน้าที่จึงแสดงตนเพื่อขอเข้าตรวจค้นหาสิ่งผิดกฎหมาย
จากการตรวจค้นปรากฏว่า พบไม้ยางนาขนาดใหญ่ถูกตัดโค่นบริเวณท้ายไร่ วัดความโตของตอได้ 410 เซนติเมตร โดยโคนไม้ยางนามีร่องรอยการเผาสุมตอ เหนือรอยเผามีร่องรอยการตัดไม้ลักษณะใหม่ ตรวจสอบบริเวณหน้าตัดของตอไม้ดังกล่าวมีร่องรอยถูกตัดด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ลักษณะใหม่ มีร่องรอยการนำกิ่งไม้เอามาปิดอำพรางเพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าหน้าที่ตรวจพบ ตรวจสอบในพื้นที่พบร่องรอยแปรรูปไม้ลักษณะใหม่ มีขี้เลื่อยกระจายในพื้นที่เป็นจำนวนมาก จากการสังเกตร่องรอยอย่างละเอียดคาดว่าไม้ต้นดังกล่าวถูกตัดมาแล้วไม่เกิน 1 เดือน
ห่างจากตอไม้ไปประมาณ 20 เมตร พบอาคารเก็บของโครงสร้างก่อฉาบด้วยปูน ผนังบุด้วยปีกไม้สัก หลังคามุงด้วยกระเบื้อง ด้านหน้าอาคารพบสิ่งของขนาดใหญ่คลุมด้วยผ้าใบ เมื่อเจ้าหน้าเปิดผ้าใบออกมาดูพบไม้ยางนาแปรรูปแผ่นขนาดใหญ่ซุกซ่อนเอาไว้เป็นจำนวนมาก ซึ่งมีร่องรอยการตัดด้วยเลื่อยโซ่ยนต์ โดยถูกตัดแปรรูปตามลักษณะลำต้นมีความหนาประมาณ 10-15 เซนติเมตร ความยาวประมาณ 540 เซนติเมตร ตรวจพบเป็นไม้แปรรูปที่มาจากต้นเดียวกันที่ถูกตัดบริเวณริมลำห้วยท้ายไร่
เจ้าหน้าที่ได้ตรวจสอบไม้ทุกแผ่น/เหลี่ยม ไม่ปรากฏรูปรอยดวงตราของเจ้าหน้าที่ตีตราประทับไว้แต่อย่างใด และไม่มีร่องรอยการใช้ประโยชน์ เช่น รอยบาก ร่องรอยการตอกตะปู การไส และไม่เคยผ่านการเป็นเครื่องเรือน เครื่องใช้ใดๆ มาก่อน
ทั้งนี้ นายเกษม ส่องสว่าง เจ้าของบ้านให้การว่า ไม้ยางนาเป็นไม้ที่ขึ้นตามธรรมชาติ แต่ได้โค่นล้มเองมานานหลายปีแล้ว ตนเห็นว่าเนื้อของไม้ยังสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ จึงว่าจ้างแรงงานต่างด้าวให้มาเลื่อยพร้อมกับช่วยกทำการแปรรูป หลังจากแปรรูปแล้วเสร็จจึงใช้รถไถไปมาชักลากนำมาเก็บเอาไว้ที่โรงเก็บไม้ โดยทำมาได้ประมาณ 1 เดือนแล้ว ซึ่งไม้ทั้งหมดตนไม่ได้นำออกไปไหน แต่จะเอาไว้ใช้ประโยชน์ส่วนตัวเท่านั้น
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องมือหาค่าพิกัดจากสัญญาณดาวเทียม (GPS) โดยพื้นที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่ป่าตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 และเป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติ ตามพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พ.ศ.2524 ซ้อนทับป่าสงวนแห่งชาติป่าเขาพระฤาษี และป่าเขาบ่อแร่ แปลงที่หนึ่ง
ไม้ยางนา (Dipterocarpus alatus) ที่ถูกตัด และแปรรูปเป็นไม้หวงห้ามประเภท ก ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484 (ตามพระราชบัญญัติป่าไม้ (ฉบับที่ 8) พ.ศ.2562 มาตรา 9) เจ้าหน้าที่จึงได้ร่วมกันจับกุมนายเกษม ส่องสว่าง ตามความผิดตามกฎหมายเกี่ยวกับการป่าไม้ มีความผิดตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ.2562 พระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ.2507 พระราชบัญญัติป่าไม้ พุทธศักราช 2484
เจ้าหน้าที่จึงตรวจยึดไม้ยางแปรรูปหวงห้ามขนาดใหญ่ จำนวน 8 แผ่น ซึ่งมีขนาดความยาว 540 ซม. กว้าง 80-95 ซม. หนา 10-20 ซม. ปริมาตรรวมกัน 5.15 ลูกบาศก์เมตร ทำให้รัฐเสียหายมูลค่า จำนวน 103,000 บาท เจ้าหน้าที่จึงจัดทำบันทึกเรื่องราว พร้อมรวบรวมพยานหลักฐาน นำผู้กระทำความผิดส่งพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป