อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ออกประกาศห้ามนักท่องเที่ยวเข้าพักแรม บริเวณพื้นที่เกาะ แก่ง และพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ หลังพบกลุ่มบุคคลได้แอบลักลอบเข้าไปแสวงหาประโยชน์ โดยการให้บริการประกอบกิจกรรมการท่องเที่ยว และพักค้างแรมในพื้นที่อุทยาน
วันนี้ (5 ม.ค.) เพจ "กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช" ได้โพสต์ระบุข้อความว่า "อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ออกประกาศห้ามนักท่องเที่ยวเข้าพักแรมบริเวณพื้นที่เกาะ แก่งและพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ โดย นายยุทธพงษ์ คำศรีสุข หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ออกประกาศอุทยาน ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าพักแรม บริเวณพื้นที่เกาะ แก่ง และพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ในเขตอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ ระบุว่า ด้วยสถานการณ์ปัจจุบันในเขตพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ได้มีกลุ่มบุคคลได้แอบลักลอบเข้าไปแสวงหาประโยชน์ โดยการให้บริการประกอบกิจกรรมการท่องเที่ยว และพักค้างแรมในพื้นที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ โดยเฉพาะการแอบยึดถือครอบครองที่ดินในพื้นที่บริเวณพื้นที่เกาะ แก่ง และพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ และมีการให้บริการนักท่องเที่ยวเข้าพักแรมในพื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะการใช้เต็นท์ กระโจม รถพ่วง รถบ้าน หรือวิธีการอื่นๆ เป็นจำนวนมาก
อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ พิจารณาแล้ว เพื่อเป็นการสงวน อนุรักษ์ คุ้มครองดูแลทรัพยากรธรรมชาติ รวมถึงการควบคุมดูแลความปลอดภัยนักท่องเที่ยวที่เข้าไปในเขตอุทยานแห่งชาติ จึงห้ามนักท่องเที่ยวเข้าไปพักค้างแรม บริเวณพื้นที่เกาะ แก่ง และพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ โดยเฉพาะการใช้เต็นท์ กระโจม รถพ่วง รถบ้าน เรือ หรือแล้วแต่กรณี สำหรับกรณีการพักค้างแรมในแพพักต่างๆ จะต้องเป็นแพที่ได้ลงทะเบียนสำรวจไว้กับอุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์เท่านั้น ซึ่งอยู่ระหว่างการจัดระเบียบ แพพัก แพบริการตามกฎหมาย ทั้งนี้ หากมีการฝ่าฝืนจะต้องระวางโทษตามพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 มาตรา 20 ฐาน บุคคลซึ่งเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ ต้องปฏิบัติตามคำสั่งพนักงานเจ้าหน้าที่ ประกอบระเบียบกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยการเข้าไปในอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2563 ข้อ 4 (2) และ (3) ผู้ใดฝ่าฝืนมาตรา 20 ต้องระวางโทษปรับไม่เกินหนึ่งแสนบาท กรณีเข้าไปดำเนินกิจการใดๆ เพื่อหาผลประโยชน์ จะต้องระวางโทษตามมาตรา 19(6) ประกอบมาตรา 44 จำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกินสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ จึงประกาศให้ทราบโดยทั่วกัน ทั้งนี้ หากพบเบาะแสการกระทำผิด สามารถโทร.แจ้งได้ที่ 0-3454-0316 หรือ 09-2482-1564"
คลิกโพสต์ต้นฉบับ