กาญจนบุรี - เตือนแล้วเตือนอีก ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เผยลาดตระเวน 9 วัน ตามยุทธการ "ทส.ยกกำลัง X" ปกป้องป่าไม้ และสัตว์ป่าในช่วงหยุดยาวปีใหม่ จับได้ 4 คดี ผู้ต้องหา 4 คน เจอคุกหัวโต ปรับสูงสุด 2 ล้าน ส่วน 2 ผู้ต้องหาล่ากวางทิ้งของหลบหนีได้หวุดหวิด
เย็นวันนี้ (4 ม.ค.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า จากกรณีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ได้ออกลาดตระเวนตามยุทธการ ทส.ยกกำลัง X เพื่อป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า ตามนโยบายของนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ให้บูรณาการทำงานเป็นหนึ่งเดียวใกล้ชิดกับประชาชน และพร้อมทำงานอย่างไร้ขีดจำกัด และตามข้อสั่งการของปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ให้ดำเนินการป้องกัน
และปราบปรามการทำไม้ และล่าสัตว์ป่า อย่างเด็ดขาด
โดยการลาดตระเวนตามยุทธการข้างต้นได้เริ่มพร้อมกันทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค.64 ถึงวันที่ 3 ม.ค.65 รวมเวลา 9 วันเนื่องจากช่วงระยะเวลาดังกล่าวนั้นเป็นช่วงวันหยุดยาวส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ซึ่งช่วงดังกล่าวเกรงว่าจะมีกลุ่มนายพรานลักลอบเข้าไปล่าสัตว์ป่า หรือตัดไม้ทำลายป่าได้ โดยหากประชาชนแจ้งเบาะแสเข้ามาจนนำไปสู่การจับกุมจะได้รับเงินรางวัลนำจับเป็นเงินจำนวน 5,000 บาท ซึ่งผู้ที่แจ้งเบาะแสเข้ามาจะถูกปกปิดรายชื่อเอาไว้เป็นความลับ
ระหว่างออกลาดตระเวนเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ จำนวน 4 คดี ประกอบด้วย คดีที่แรก เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 16.30 น.ของวันที่ 26 ธ.ค.64 ขณะนั้นเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติไทยประจัน จ.ราชบุรี ได้ดักซุ่มที่ริมอ่างเก็บน้ำเขาหัวแดง ท้องที่หมู่ 3 ต.บ้านยางหัก อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี เนื่องจากมีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสเข้ามา ระหว่างดักซุ่มเจ้าหน้าที่พบผู้ต้องสงสัยเป็นชาย 2 คน กำลังแบกเป้ และถุงปุ๋ย แต่ชายทั้ง 2 คนเห็นเจ้าหน้าที่เสียก่อนจึงทิ้งเป้และถุงปุ๋ยวิ่งหลบหนี เจ้าหน้าที่พยายามไล่ติดตามแต่ไม่ทัน
จากการตรวจสอบพบซากหัวกวางเพศผู้ จำนวน 1 หัว เนื้อกวางน้ำหนักรวมกันประมาณ 60 กิโลกรัม รวมทั้งมีด 1
เล่ม และหินลับมีด 1 อัน จึงจดทำบันทึกเรื่องราวแล้วนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.ปากท่อ เพื่อทำการสืบสวนสอบสวนหาตัวผู้กระทำผิดมาดำเนินคดีตามกฎหมาย คดีที่ 2 เกิดขึ้นช่วงเวลาประมาณ 14.20 น.ของวันที่ 29 ธ.ค.64 ขณะเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเขื่อนศรีนครินทร์ อ.ศรีสวัสดิ์ จ.กาญจนบุรี ออกลาดตระเวน ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ที่บ้านเลขที่ 294 หมู่ 7 ต.ด่านแม่แฉลบ อ.ศรีสวัสดิ์ ซุกซ่อนเลื่อนโซ่ยนต์ผิดกฎหมายเอาไว้ภายในบ้าน
เมื่อไปถึงพบนายภิรมย์ พิลึก อายุ 52 ปี เจ้าของอยู่ในบ้าน เจ้าหน้าที่จึงขอตรวจสอบ พบเลื่อยโซ่ยนต์ที่ไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน จำนวน 1 เครื่อง เจ้าหน้าที่จึงนำของกลางพร้อมตัวนายภิรมย์ ส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา "มีเลื่อยโซ่ยนต์โดยไม่ได้รับอนุญาตจากนายทะเบียน" ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 5 แสนบาท
คดีที่ 3 เกิดขึ้นเมื่อเวลา 08.30 น.ของวันที่ 2 ม.ค.65 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้ทำการจับกุมตัวนายอนุรักษ์ เกตุแก้ว อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 800 หมู่ 3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค และนายวราพงษ์ เกตุแก้ว อายุ 31 ปี อยู่บ้านเลขที่ 31 หมู่ 3 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค ได้ที่ป่าบ้านพุองกะ หมู่ 4 ต.ท่าเสา อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี พร้อมของกลางประกอบด้วย ไก่แจ้ 2 ตัว ไก่ป่า 1 ตัว ครืนสำหรับดักไก่ป่า จำนวน 26 อัน และกระทอใส่ไก่ 2 อัน จึงนำตัวพร้อมของกลางส่งพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ดำเนินคดีตามกฎหมาย ในข้อหา "ล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาต" ระวางโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี ปรับไม่เกิน 1 ล้านบาท
และคดีที่ 4 เกิดขึ้นเวลา 15.30 น.ของวันที่ 3 ม.ค.65 ขณะที่เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติเอราวัณ อ.ศรีสวัสดิ์ ลาดตระเวนไปถึงบ้านปลายดินสอ หมู่ 5 ต.แม่กระบุง อ.ศรีสวัสดิ์ พบการบุกรุกพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ รวมเนื้อที่ จำนวน 7-3-91 ไร่ โดยเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้กระทำผิดได้ 1 คน คือ นายอภิชาต พ่วงแพง อายุ 57 ปี อยู่บ้านเลขที่ 202/16 ต.สวนใหญ่ อ.เมือง จ.นนทบุรี จึงจัดทำบันทึกเรื่องราวก่อนที่จะนำตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสอบสวน สภ.ศรีสวัสดิ์ เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายในข้อหา "บุกรุก แผ้วถางในเขตอุทยานแห่งชาติเอราวัณ โดยมิได้รับอนุญาต" ต้องระวางโทษจำคุก 4-20 ปี ปรับ 400,000-2,000,000 บาท
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) กล่าวว่า ที่ผ่านมาถึงแม้จะเป็นช่วงหยุดยาวเพื่อฉลองวันส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ก็ตาม แต่เจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ ไม่หยุดในการออกลาดตระเวน และถึงแม้จะพ้นช่วงวันหยุดมาแล้วเจ้าหน้าที่ยังคงออกลาดตระเวนให้เข้มข้นยิ่งขึ้นทุกวัน
ดังนั้น หากประชาชนมีเบาะแสการกระทำผิด ขอให้แจ้งเข้ามาซึ่งเจ้าหน้าที่จะปิดรายชื่อเอาไว้เป็นความลับ หากสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้ จะได้รับเงินรางวัลนำจับจากกองทุน สบอ.3 (บ้านโป่ง) จำนวน 2,000 บาท และนอกจากนี้ ผู้ที่แจ้งเบาะแสจะได้เงินรางวัลเพิ่มหลังจากที่ศาลมีคำพิพากษาจนคดีถึงที่สุดอีกด้วย สำหรับผู้ที่แจ้งเบาะแสจนนำมาสู่การจับกุมได้ถึง 4 คดี จะได้รับเงินรางวัลจำนวน 5,000 บาท ซึ่งเป็นกรณีพิเศษเนื่องจากเป็นช่วงหยุดยาว