กาญจนบุรี - ปิดฉากคดีเสือดำ ‘เปรมชัย’ เข้าคุก หลังศาลฎีกาตัดสินจำคุก 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา ด้านทนายความเผย นายเปรมชัย น้อมรับคำตัดสินของศาล ส่วนเรื่องอาการป่วย เป็นสิทธิของผู้ต้องขัง ในการขอเข้ารับการรักษาพยาบาลได้
เมื่อเวลา 11.00 น.วันนี้ (8 ธ.ค.) หลังจากศาลฎีกาอ่านคำพิพากษา ‘คดีเสือดำ’ จำคุก นายเปรมชัย กรรณสูต 2 ปี 14 เดือน ไม่รอลงอาญา เจ้าหน้าที่ได้นำตัว นายเปรมชัย กรรณสูต มาทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR จากนั้นจะทำการถอดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring) หรือ EM “กำไลข้อเท้า”
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว นายเปรมชัย กรรณสูต และพวกขึ้นรถเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ ที่จอดไว้ด้านหลังศาลจังหวัดทองผาภูมิ เพื่อเดินทางไปยังเรือนจำอำเภอทองผาภูมิ โดยศาลไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าไปภายในบริเวณพื้นที่ศาล ท่าม
กลางกองทัพสื่อมวลชนที่ปักหลักรอทำข่าวเป็นจำนวนมาก
ขณะที่ทีมทนายความ และผู้ติดตามที่มากับ นายเปรมชัย มีสีหน้าค่อนข้างเคร่งเครียด โดยหนึ่งในทีมทนายความของ นายเปรมชัย กล่าวสั้นๆ ว่า นายเปรมชัย น้อมรับคำตัดสินของศาล จากนี้ทีมทนายทั้งหมดจะเดินทางไปที่เรือนจำทองผาภูมิ โดยไม่ขอให้สัมภาษณ์แต่อย่างใด ส่วนอาการบาดเจ็บที่ดวงตาไม่ยอมเปิดปากให้รายละเอียดใดๆ เช่นกัน
นายกฤตศิลป ช่วยศรี อัยการผู้เชี่ยวชาญ สำนักงานอัยการภาค 7 รักษาการในตำแหน่งอัยการจังหวัดทองผาภูมิ ซึ่งได้เข้าร่วมฟังคำพิพากษาศาลฎีกาในครั้งนี้ด้วย เปิดเผยว่า ตามที่จำเลยที่ 1 จำเลยที่ 2 และจำเลยที่ 4 ได้ยื่นฎีกาใน 8 ประเด็น ศาลไม่รอการลงโทษ มีเพียงปรับแก้ตามบทกฎหมายที่แก้ไขใหม่เท่านั้น โดยจำเลยได้ลดโทษลงคนละ 8 เดือน ส่วนการชดใช้ค่าเสียหาย ทางจำเลยได้มีการวางเงินชดใช้ค่าเสียหายตามคำพิพากษาของศาล ซึ่งคดีนี้ถึงที่สุดแล้วที่จำเลยจะต้องรับโทษตามคำพิพากษา และต้องปฏิบัติตามนั้น ขณะนี้ต้องถูกควบคุมตัว ซึ่งเป็นเรื่องของกระบวนการทางศาล และราชทัณฑ์
ส่วนกรณีที่ นายเปรมชัย มีอาการป่วยทางสายตา รวมทั้งโรคผิวหนัง และอาการป่วยด้วยโรคเบาหวานนั้น เป็นเรื่องของทางราชทัณฑ์ที่จะปฏิบัติต่อผู้ต้องขังระหว่างถูกจำคุก และเป็นสิทธิของผู้ต้องขัง เราไม่เข้าไปก้าวล่วงในส่วนนี้
สำหรับเรื่องของการควบคุมตัวจำเลยเข้าเรือนจำ จะเป็นไปตามมาตรการของทางเรือนจำ ในการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แบบ RT-PCR และกักตัวตามมาตรการ ส่วนสิทธิของผู้ต้องขังหากมีอาการเจ็บป่วยอาจจะใช้สิทธิในการขอเข้ารับการรักษาพยาบาลได้ ส่วนจะเป็นโรงพยาบาลใดนั้นเป็นสิทธิที่ นายเปรมชัย จะมอบหมายให้ทนายความดำเนินการได้ ส่วนการพิจารณาต้องแล้วแต่ทางเรือนจำ ที่จะเป็นผู้พิจารณาอีกครั้ง
“โดยวันนี้ถือเป็นการปิดฉากคดีเสือดำ โดยสมบูรณ์แบบ ซึ่งทางอัยการได้ทำหน้าที่อย่างสมบูรณ์แบบแล้วเช่นกัน ผลออกมาปรากฏตามคำพิพากษา” นายกฤตศิลป กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลฎีกาตรวจสำนวนประชุมปรึกษาหารือกันแล้ว เห็นว่า ฎีกาของจำเลยทั้งสามฟังไม่ขึ้น และไม่มีเหตุให้รอการลงโทษ แต่ต่อมาได้มีการแก้ไข พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 โดย พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับปี 2562 ให้ยกเลิกมาตรา 55 การกระทำของจำเลยทั้งสามจึงไม่มีความผิดในส่วนนี้ ตาม ป.อาญา มาตรา 2 แต่ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ.2562 ยังคงมีความผิดฐานร่วมกันมีซากสัตว์ป่าไว้ในครอบครอง
พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ คงจำคุกจำเลยที่ 1 เป็นเวลา 2 ปี 14 เดือน จำเลยที่ 2 คงจำคุก 2 ปี 17 เดือน จำเลยที่ 4 คงจำคุก 2 ปี 21 เดือน ให้จำเลยชดใช้ค่าเสียหาย 2 ล้านบาท ตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น และศาลอุทธรณ์ แต่ให้ปรับแก้ไขดอกเบี้ยให้เป็นไปตามกฎหมายใหม่
ผลคำพิพากษาฎีกา วันนี้คือศาลฎีกาพิพากษายกฟ้องเฉพาะข้อหาร่วมกันรับไว้ซึ่งซากสัตว์ป่า ตาม พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า มาตรา 55 เพราะมีกฎหมายใหม่ออกมาให้ยกเลิกกฎหมายเก่า แต่อัตราโทษที่ศาลลงโทษจำคุกจำเลยนั้นยังคงเท่าเดิม ตามที่ศาลอุทธรณ์ภาค 7 พิพากษา คำพิพากษาคดีของศาลฎีกาในวันนี้คดีถึงที่สุดแล้ว และถือเป็นการปิดฉาก ‘คดีเสือดำ’ ที่นายเปรมชัย กับพวกต่อสู้คดีมานานกว่า 3 ปี