กำแพงเพชร - สองผัวเมียร้องสื่อฯ ไปโรงพยาบาลผ่าตัดขา เจอตรวจโควิด-19 ถูกแหย่จมูกซ้ำๆ จนดวงตาติดเชื้อร้ายจากโพรงจมูก สุดท้ายโดนควักลูกตาซ้ายออกป้องกันลามไปอีกข้าง วอนหน่วยงานหาข้อเท็จจริงและรับผิดชอบ
ผู้สื่อข่าวได้รับเรื่องราวร้องทุกข์จากชาวบ้านในพื้นที่ ต.คลองแม่ลาย อ.เมืองกำแพงเพชร ว่ามีหญิงวัย 60 ปีได้เข้ารับการรักษาตัวที่โรงพยาบาลกำแพงเพชร เนื่องจากเกิดอุบัติเหตุหกล้มจนกระดูกขาด้านซ้ายหัก ระหว่างเข้าทำการรักษาอาการนั้น เจ้าหน้าที่ รพ.ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด-19 โดยแจ้งว่าเป็นระเบียบของทาง รพ.
คนไข้ที่เข้ามาทำการรักษาในเบื้องต้นจะต้อง swab ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ทันที จากนั้นไม่นานดวงตาด้านซ้ายเริ่มมีอาการติดเชื้อรุนแรง ซึ่งคาดว่าเป็นผลพวงที่เกิดจากการแหย่จมูกหาเชื้อโควิด-19 ของเจ้าหน้าที่ รพ. ซึ่งผู้ป่วยวิงวอนขอให้เจ้าหน้าที่รับผิดชอบในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จนทำให้เสียดวงตาอันเป็นสิ่งสำคัญในการมองเห็นไป อีกทั้งยังทำให้ครอบครัวตนขาดรายได้
เมื่อผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง ณ บ้านเลขที่ 3 หมู่ 3 ต.คลองแม่ลาย อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ซึ่งเป็นบ้านของนายปาณชัย เย็นมั่น อายุ 60 ปี อาชีพรับจ้างทั่วไป และนางสุนันทา เย็นมั่น อายุ 60 ปี สองสามีภรรยา
พบว่า นางสุนันทา เย็นมั่น ผู้ป่วยในกรณีดังกล่าวต้องใช้เหล็กค้ำยัน 4 ขา(วอล์กเกอร์) พยุงตัวในเวลาเดิน ขาด้านซ้ายมีร่องรอยการผ่าตัด บริเวณใบหน้าโหนกแก้มยุบทั้งสองข้างเนื่องจากไม่มีโครงกระดูกรองรับ ใบหน้ามีแผลเป็น ซึ่งทราบภายหลังว่าเกิดจากการรักษาโรคมะเร็งโพรงจมูกเมื่อหลายปีก่อน
ส่วนดวงตาด้านซ้ายมีสภาพบอดสนิท เนื่องจากแพทย์แจ้งว่าเกิดอาการติดเชื้อรุนแรงจำเป็นต้องนำเอาดวงตาข้างดังกล่าวออก เพราะหากปล่อยไว้จะลุกลามไปยังดวงตาอีกข้าง ซึ่งอาจจะทำให้เกิดการติดเชื้อขึ้นมาอีก
สองสามีภรรยายืนยันตีอผู้สื่อข่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ดวงตาด้านซ้ายของนางสุนันทาบอดนั้นเกิดจากการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ในช่วงที่เข้าไปผ่าตัดขาตามแพทย์นัดที่ รพ.อย่างแน่นอน เพราะก่อนเข้ารักษาเจ้าหน้าที่ได้นำตัวไปตรวจหาเชื้อโควิดก่อน โดยการใช้อุปกรณ์ตรวจแหย่เข้าไปในรูจมูก (swab)
ขณะที่ก่อนหน้านี้นางสุนันทาได้เข้ารับการรักษาโรคมะเร็งโพรงจมูกจนต้องผ่าตัดเอาโครงกระดูกบริเวณโหนกแก้มออก คาดว่าอุปกรณ์การตรวจที่แหย่เข้าไปในรูจมูกของผู้ป่วยอาจจะเข้าไปกระทบกระเทือนกับระบบประสาทตา จนทำให้ดวงตาเกิดการอักเสบติดเชื้อ กระทั่งแพทย์ต้องนำเอาดวงตาด้านซ้ายออกมา เพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามไปยังดวงตาอีกข้าง
สองสามีภรรยาได้ติงว่าทางเจ้าหน้าที่ รพ.น่าจะหาวิธีหลีกเลี่ยงในการตรวจโควิดนางสุนันทา ที่เคยเป็นผู้ป่วยที่ผ่านการรักษาผ่าตัดโครงสร้างของโพรงจมูกมาแล้ว เนื่องจากเป็นโรคมะเร็งผิวหนังบริเวณใบหน้าจนเชื้อกินลึกไปถึงในโพรงจมูก
นายปาณชัย เย็นมั่น สามีนางสุนันทา ผู้ป่วย กล่าวว่า ช่วงที่เจ้าหน้าที่ รพ.ตรวจ swab บางครั้งตนไม่ได้เข้าไปดู อยู่มาวันหนึ่งช่วงเที่ยงหลัง swab เสร็จก็เตรียมรับประทานอาหารกัน ขณะนั้นตนสังเกตเห็นมีน้ำขุ่นๆ ไหลออกมาจากทางจมูก ตอนแรกตนคิดว่าเป็นน้ำมูกก็ไม่ได้คิดอะไร
เมื่อนางสุนันทาผ่าตัดขาเสร็จแล้วจึงมีอาการเจ็บปวดบริเวณดวงตา และตนสังเกตเห็นในดวงตาของนางสุนันทามีจุดสีขุ่นๆ อยู่ ก็ยังไม่ได้เอะใจอะไร คิดว่าอาจจะเป็นเพราะแพ้ยา หรือต้ออะไรสักอย่างตนจึงลดขนาดยาที่แพทย์ให้มาแต่ก็ไม่เป็นผล
กระทั่งถึงวันแพทย์นัดอีกครั้งตนได้ขอร้องให้แพทย์นำเอานางสุนันทาไปตรวจหาสาเหตุในห้องตรวจสายตาอีกครั้ง ซึ่งตลอดเวลาที่ผ่านมาผู้ป่วยใส่หน้ากากอนามัย และสวมใส่แว่นตาดำตลอดเวลา เมื่อมาพบแพทย์เปิดออกมาตนตกใจมากเพราะพบว่ามีน้ำสีขุ่นไหลออกมาจากดวงตา ซึ่งคล้ายกับน้ำที่ไหลออกมาจากรูจมูกของนางสุนันทาในวันก่อนหน้านั้น
แพทย์แจ้งว่าเป็นหนองเกิดการติดเชื้อรุนแรงจนขณะนี้ดวงตานั้นเน่าไปแล้ว ต้องควักดวงตาทิ้งอย่างเดียว ซึ่งใจจริงตนไม่อยากให้เอาออก แต่หากไม่เอาออกก็อาจจะติดเชื้อลุกลามไปยังดวงตาอีกข้างได้ และตนยืนยันว่าเกิดจากการ swab ตรวจหาเชื้อโควิดของเจ้าหน้าที่ รพ.อย่างแน่นอน เพราะเข้ารับ swab ช่วงแรกๆ ตนก็เห็นน้ำสีขุ่นๆ ไหลออกมาจากทางจมูกแล้ว ซึ่งตนอยากวิงวอนให้ทางเจ้าหน้าที่ รพ.ที่ทำการตรวจ swab หรือผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ดังกล่าวออกมารับผิดชอบช่วยเหลือเยียวยาในกรณีดังกล่าวที่เกิดขึ้นด้วย
นางสุนันทากล่าวอีกว่า ตาของตนติดเชื้อในช่วงที่นอนพักรักษาตัวอยู่ รพ.กำแพงเพชร และเกิดจากการแหย่จมูกตรวจหาเชื้อโควิดอย่างแน่นอน และในวันที่นำดวงตาออกแพทย์ก็ให้นอนพักฟื้นอยู่ที่ รพ.เพียง 2 วันจากนั้นก็ให้ตนกลับมาพักฟื้นที่บ้านได้ สิ่งที่ได้มาจาก รพ.คือ สำลี 1 ห่อ น้ำยาหยอดตา และยาป้ายตามาเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลา 14.00 น. วานนี้ (10 พ.ย. 64) ได้มีกลุ่ม อสม.ของชุมชนผาสุข ต.คลองแม่ลาย เข้ามาตรวจเยี่ยมสอบถามอาการ และสาเหตุความเป็นมาที่เกิดขึ้นในเบื้องต้นพร้อมทำความสะอาดแผลที่เกิดขึ้นจากการเอาดวงตาออก โดยแนะนำให้ผู้ป่วยทำความสะอาดบาดแผลบริเวณเบ้าดวงตาที่ยังมีอาการอักเสบอยู่อย่างสม่ำเสมอเพื่อป้องกันการติดเชื้อ