พระนครศรีอยุธยา - อยุธยาเตรียมพร้อมรับมือพายุฝน 12-16 ต.ค. เตรียมระบายน้ำจากเขื่อนป่าสัก ขณะที่วัดสะตือน้ำท่วมคลี่คลาย แต่หลายพื้นที่ยังมีน้ำท่วมขัง
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ยังได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ และลำคลองอยู่นอกคันกั้นน้ำของชลประทาน รวม 12 อำเภอ คิดเป็น 136 ตำบล 809 หมู่บ้าน จำนวน 54,594 ครัวเรือน มีวัดถูกน้ำท่วม 132 วัด และมัสยิด 11 แห่ง ซึ่ง 12 อำเภอประกอบด้วย อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอบางปะหัน อำเภอมหาราช อำเภอบางซ้าย และล่าสุด อำเภอภาชี
ล่าสุด วันนี้ (15 ต.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางลงไปยังที่วัดสะตือ ตำบลท่าหลวง อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา พบว่าสถานการณ์น้ำท่วมเริ่มคลี่คลาย ภายในวัดเริ่มกลับเข้าสู่สภาวะปกติ พี่น้องประชาชน พ่อค้าแม่ค้า กลับมาค้าขายภายในวัดเหมือนเดิม พี่น้องประชาชนเดินทางเข้ามากราบไหว้ขอพรหลวงพ่อโต ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักลดลงจากแนวตลิ่ง 3-4 เมตร แต่ยังคงมีพี่น้องประชาชนเดินทางมาสังเกตการณ์เฝ้าดูระดับน้ำท้ายเขื่อนพระรามหกกันอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่ทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทำหนังสือเรื่อง แจ้งเพิ่มระดับน้ำแม่น้ำป่าสักเพิ่มขึ้น ถึงนายอำเภอท่าเรือ นายอำเภอนครหลวง นายอำเภอพระนครศรีอยุธยา และนายกเทศมนตรีนครพระนครศรีอยุธยา ด้วยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ แจ้งว่า ปัจจุบันเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์มีปริมาณน้ำในเขื่อนอยู่ที่ 902.25 ล้านลูกบาศก์เมตร หรือประมาณ 94% ประกอบกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดหมายว่าด้วยอิทธิพลของพายุโซนร้อน “คมปาซุ” จะส่งผลให้ในพื้นที่ภาคกลางมีฝนตกหนักบางแห่ง
ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ฝนตกหนักที่จะเกิดขึ้นระหว่าง 12-16 ตุลาคม 2564 ให้สามารถรองรับปริมาณน้ำหลากเข้าสู่เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และควบคุมการระบายน้ำท้ายเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และเขื่อนพระรามหก ได้อย่างเหมาะสมกับสถานการณ์น้ำด้านท้ายน้ำของเขื่อนทั้ง 2 แห่ง เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีความจำเป็นต้องเพิ่มการระบายน้ำโดยจะปรับเพิ่มเป็นลำดับขั้นบันได โดยปรับเพิ่มจากอัตรา 100 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เป็น 300 ลูกบาศก์เมตรต่อ โดยจะมีระดับน้ำเพิ่มขึ้นประมาณ 1.00 ถึง 1.50 เมตร จากระดับน้ำปัจจุบัน ทั้งนี้ เขื่อนพระรามหก จะได้รับอิทธิพลจากการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ และมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนพระรามหก เป็นลำดับขั้นบันได
คาดว่าระดับน้ำท้ายเขื่อนพระรามหก จะเพิ่มขึ้นโดยประมาณ 1.00 ถึง 1.20 เมตร สำนักงานชลประทานที่ 10 โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ จะพิจารณาแบ่งการรับน้ำเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ตามศักยภาพและระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนพระรามหก โดยให้มีผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนพระรามหกน้อยที่สุด ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ จึงขอให้แจ้งเตือน ประชาชนในพื้นที่ทราบ และเตรียมความพร้อมการให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งนี้ยังพบว่าบางพื้นที่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีฝนตกลงมาเป็นช่วงๆ