ลพบุรี - ลพบุรีหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งระบายน้ำออกให้ประชาชนที่ถูกน้ำท่วมขังหลังต้องประสบปัญหาน้ำเน่า พร้อมวางแผนรับมือปัญหาน้ำฝนที่จะเข้าบ้านเรือนประชาชนอีกครั้งจากพายุลูกใหม่ที่กำลังจะเข้ามายังประเทศไทย
วันนี้ (11 ต.ค.) ที่ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 10 (SWOC 10) ตำบลเขาพระงาม อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการจังหวัดลพบุรี เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำ พร้อมด้วยนายอุบลศักดิ์ บัวหลวงงาม รองประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ โดยมี นายอรรถพร ปัญญาโฉม รองผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 10 และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ฝั่งซ้ายของคลองชัยนาท-ป่าสัก พร้อมวางแผนป้องกันกรณีอุทกภัยในพื้นที่จังหวัดลพบุรี
ทั้งนี้ จากการที่ในพื้นที่จังหวัดลพบุรีทั้ง 11 อำเภอได้ถูกน้ำท่วมทางด้านฝั่งซ้ายของคลองส่งน้ำชลประทานชัยนาท-ป่าสัก ทำให้บ้านเรือน และพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชน ได้รับความเสียหาย และในขณะนี้ปริมาณน้ำที่ท่วมขังเริ่มลดลง แต่ปัญหาที่กำลังจะตามมาคือ ปัญหาน้ำท่วมขังทำเกิดสภาวสะน้ำเน่าที่จะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนอีกระลอก และเป็นการเตรียมการรับมือปัญหาน้ำฝนที่ท่วมอีกจากการเกิดพายุลูกใหม่ที่กำลังจะเข้ามายังประเทศไทย
ทางกรมชลประทานได้นำเครื่องจักรกลเร่งติดตั้งเครื่องสูบน้ำ HYDRO FLOW ขนาด 42 นิ้ว จำนวน 8 เครื่อง ที่สามารถระบายน้ำได้เครื่องละ 15 ลบ.ม.ต่อวินาที ทำการติดตั้งในเขตอำเภอบ้านหมี่ อำเภอเมือง ทางด้านฝั่งซ้ายของคลองส่งน้ำชัยนาท-ป่าสัก เพื่อสูบน้ำที่ท่วมขังในพื้นที่ฝั่งซ้ายของคลองชลประทานดังกล่าว ระบายลงคลองชัยนาทป่าสัก ซึ่งคาดหมายว่าน้ำที่ท่วมขังจะถูกระบายออกจนแห้งภายใน 7 วัน และนอกจากจะระบายน้ำที่ท่วมขังแล้ว ยังเป็นการเตรียมรับมือน้ำฝนที่อาจเกิดจากพายุลูกใหม่ที่กำลังจะเข้ามาในช่วงปลายเดือนนี้อีกด้วย
นายนิวัฒน์ กล่าวว่า ในส่วนของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาณน้ำเก็บกัก 857 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 89% ของความจุอ่าง โดยได้มีการปรับลดการระบายน้ำเหลือเพียง 451 ลบ.ม./วินาที ลดลงจากเมื่อวานที่มีการระบายน้ำอยู่ที่ 550 ลบ.ม./วินาที ส่งผลให้ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักบริเวณด้านท้ายเขื่อนป่าสักลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะทำให้การระบายน้ำในคลองส่งน้ำชลประทานชัยนาท-ป่าสัก มีขีดความสามารถระบายน้ำได้เร็วขึ้น
ร่วมทั้งทางชลประทานได้ปิดประตูรับน้ำที่มาจากแม่น้ำเจ้าพระยา เข้ามายังคลองส่งน้ำชลประทานชัยนาทป่าสักแล้ว ทำให้ระดับน้ำในคลองดังกล่าวลดปริมาณลงอย่างต่อเนื่อง การระบายน้ำลงคลองชัยนาทป่าสัก จะไม่มีผลกระทบกับระดับน้ำในแม่น้ำลพบุรี ซึ่งมีการเร่งผลกดันน้ำออกทางประตูเขื่อนแม่น้ำลพบุรีที่ ต.โพธิ์เก้าต้น อย่างเต็มที่อยู่แล้ว และน้ำจากแม่น้ำลพบุรี จะไหลไปลงยังแม่น้ำป่าสัก ในเขตจังหวัดพระนครศรีอยุธยา โดยสะดวกและรวดเร็วขึ้น