พระนครศรีอยุธยา - แม้เขื่อนระบายน้ำลด แต่น้ำท่วมยังขยายลงกว้าง อยุธยาท่วมแล้ว 12 อำเภอ ด้านจังหวัดทำหนังสือแจ้งเฝ้าระวัง “คมปาซุ” หวั่นน้ำจากฝนส่งผลปริมาณน้ำสูงขึ้น
สถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา แม้ว่าปัจจุบัน เขื่อนเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาท เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จังหวัดลพบุรี และเขื่อนพระรามหก อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา มีการระบายน้ำลดน้อยลง และมีแนวโน้มดีขึ้น น้ำจะลดลงอย่างต่อเนื่อง ทำให้ระดับน้ำท่วมในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา และแม่น้ำน้อยทรงตัว และเริ่มลดลงบ้างแล้ว ส่วนในลุ่มแม่น้ำป่าสัก ระดับน้ำท่วมลดลงเช่นกัน แต่ยังคงถูกน้ำท่วมในทุกพื้นที่
สำหรับชุมชนที่ได้รับผลกระทบถูกน้ำท่วมเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำริมแม่น้ำ และลำคลองอยู่นอกคันกั้นน้ำของชลประทาน รวม 12 อำเภอ คิดเป็น 136 ตำบล 809 หมู่บ้าน จำนวน 54,594 ครัวเรือน มีวัดถูกน้ำท่วม 132 วัด และมัสยิด 11 แห่ง ซึ่ง 12 อำเภอ ประกอบด้วย อำเภอเสนา อำเภอผักไห่ อำเภอบางบาล อำเภอพระนครศรีอยุธยา อำเภอบางไทร อำเภอบางปะอิน อำเภอท่าเรือ อำเภอนครหลวง อำเภอบางปะหัน อำเภอมหาราช อำเภอบางซ้าย และล่าสุด อำเภอภาชี
สำหรับ อ.ภาชี ที่มีรายงานว่า ถูกน้ำท่วมเป็นชุมชนติดคลองระพีพัฒน์ รวมจำนวน 92 หลังคาเรือน อยู่ในเขตตำบลหนองน้ำใส จำนวน 90 หลังคาเรือน และตำบลภาชี 2 หลังคาเรือน
ล่าสุด จังหวัดพระนครศรีอยุธยาออกหนังสือแจ้งนายอำเภอ หัวหน้าส่วนราชการ 2 ฉบับ หลังได้รับแจ้งพายุโซนร้อนกำลังแรง “คมปาซุ” รวมถึงสำนักงานชลประทานที่ 10 หรือ เขื่อนพระรามหก จะได้รับอิทธิพลจากการเพิ่มการระบายน้ำของเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ตั้งแต่เวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 14 ตุลาคม 2564 และมีความจำเป็นต้องปรับเพิ่มการระบายน้ำท้ายเขื่อนพระรามหก เป็นลำดับขั้นบันได คาดว่าระดับน้ำท้ายเชื่อนพระรามหก จะเพิ่มขึ้นโดยประมาณ 1.0 ถึง 1.20 เมตร ให้ประชาชนขนของขึ้นที่สูง และติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
เนื่องจากอิทธิพลพายุโซนร้อน “คมปาซุ” ส่งผลให้มีฝนตกในพื้นที่เหนือเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ทำให้ปริมาณน้ำไหลเข้าเขื่อนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อเป็นการควบคุมระดับน้ำและปริมาณน้ำในเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักชลสิทธิ์ จะเพิ่มการระบายน้ำโดยทยอยเพิ่มขึ้นเป็นลำดับ จากอัตรา 100 ลูกบาศก์เมตร/วินาที ในวันที่ 13 ตุลาคม 2564 เวลา 12.00 น.เป็นต้นไป จนถึงอัตรา 300 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของประชาชน จากการที่ระดับน้ำในแม่น้ำป่าสักเพิ่มสูงขึ้น จึงขอให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่ทราบ ขนย้ายทรัพย์สินขึ้นไว้ในที่สูง และติดตามสถานการณ์อย่างต่อเนื่อง
สำนักงานชลประทานที่ 10 โดยโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาป่าสักใต้ จะพิจารณาแบ่งการรับน้ำเข้าสู่คลองระพีพัฒน์ ตามศักยภาพและระบายน้ำผ่านท้ายเขื่อนพระรามหก โดยให้มีผลกระทบพื้นที่ท้ายเขื่อนพระรามหกน้อยที่สุด