เชียงราย - รฟท.เตรียมรังวัดเวนคืนที่ดินรถไฟเด่นชัย-เชียงของเดือนหน้า ก่อนจ่ายเงิน ส่งมอบที่ดิน เริ่มสร้างปลายปี หลังผลักดันกันมากว่าครึ่งศตวรรษ ทุนท้องถิ่นหวังลาวปรับกฎระเบียบขนส่งเอื้อแลนด์ลิงก์หนุนการค้า-ท่องเที่ยวลุ่มน้ำโขงคึกคักขึ้น
โครงการก่อสร้างเส้นทางรถไฟรางคู่สายใหม่ อ.เด่นชัย จ.แพร่ ปลายทาง อ.เชียงของ จ.เชียงราย ระยะทาง 323.10 กิโลเมตร มูลค่าก่อสร้าง 72,921 ล้านบาท กำหนดระยะเวลา 72 เดือน (6 ปี) นั้น ล่าสุดการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ส่งเจ้าหน้าที่ออกติดตั้งป้ายประกาศพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน ประชาสัมพันธ์โครงการ สำรวจ-จัดทำข้อมูลรายละเอียดเพื่อการเวนคืนอย่างต่อเนื่อง
และมีกำหนดจะเริ่มรังวัดที่ดินในเดือน ต.ค. 2564 เป็นต้นไปแล้ว พร้อมกับจะเริ่มจ่ายเงินค่าเวนคืนที่ดินตั้งแต่เดือน พ.ค. 2565 ส่งมอบที่ดินแปลงแรกเพื่อการก่อสร้างโครงการในเดือน มิ.ย. 2565 เพื่อให้เริ่มก่อสร้างให้ทันในเดือนธันวาคมปีเดียวกัน
ด้านนายสงวน ซ้อนกลิ่นสกุล รองประธานหอการค้าจังหวัดเชียงราย และนักธุรกิจ อ.เชียงของ เปิดเผยว่า โครงการรถไฟสายนี้มีความเป็นมายาวนานกว่า 57 ปีกว่าจะมีการก่อสร้างจริง ดังนั้นสภาพพื้นที่จึงเปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมาก อย่างสถานีสุดท้ายที่ อ.เชียงของ พบว่าผ่าเข้ากลางเมืองและเฉือนที่ดินของเอกชน คือ สถานีขนส่งผู้โดยสารกรีนบัส และโครงการหมู่บ้านไป 50-60% ครอบคลุมสำนักงานการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ทั้งผืนด้วย
เส้นทางที่เข้าสู่ตัวเมืองจะเป็นทางราบขนานไปกับถนนทางรถยนต์ มีการทำแนวกั้นรั้ว และผ่านถนนสายหลักทำให้แบ่ง ต.เวียง และ ต.สถาน อ.เชียงของ ออกเป็นสองฝั่ง ซึ่งส่งผลกระทบต่ออาคารพาณิชย์และบ้านเรือนต่างๆ โดยเฉพาะการค้าและการคมนาคม หาก รฟท.สร้างเป็นทางยกระดับสำหรับรถไฟแยกจากทางรถยนต์ก็จะส่งผลดีต่อพื้นที่
ขณะเดียวกัน โครงการนี้ก็เริ่มทำให้เกิดการเคลื่อนไหวซื้อขายที่ดินกันบ้างแล้ว แต่ไม่คึกคักเนื่องจากสถานการณ์โควิด-19 นักลงทุนยังรอดูสถานการณ์ ส่วนเจ้าของที่ดินต้องการขายที่ดิน ทำให้ราคาที่ดินถูกกำหนดโดยผู้ซื้อ ทำให้ราคาใกล้เขตเวนคืนที่ดินทั่วไปไม่สูงมากนัก หากเป็นที่ติดถนนก็จะมีราคาไร่ละประมาณ 1 ล้านบาท และลึกจากถนนเข้าไปไร่ละประมาณ 400,000-500,000 บาท แต่ก็มีบางพื้นที่ที่ใกล้กับเส้นทางคมนาคมสำคัญอาจสูงถึงไร่ละ 11 ล้านบาท เช่น ปากทางเข้าด่านพรมแดนสะพานมิตรภาพไทย-สปป.ลาว ข้ามแม่น้ำโขงแห่งที่ 4 อย่างไรก็ตาม ในภาพรวมถือว่ายังไม่คึกคัก คงต้องพ้นวิกฤตโควิด-19 เชื่อว่าจะคึกคักขึ้นอย่างแน่นอน
สำหรับในอนาคตคาดว่าสิ่งที่จะเจริญเติบโตขึ้นหากผ่านวิกฤตโควิด-19 และเส้นทางรถไฟแล้วเสร็จคือการท่องเที่ยว เพราะเชียงของถือว่าอยู่ใกล้กับประเทศจีนมากที่สุดเพียงประมาณ 254 กิโลเมตร เมื่อการคมนาคมสะดวกและมีทางเลือกมากขึ้นผู้คนก็จะเดินทางไปมาก ประกอบกับทางการจีนสร้างรถไฟความเร็วสูงจากมณฑลยูนนาน-สปป.ลาว-เวียงจันทน์-จ.หนองคาย ประเทศไทย ซึ่งจะเปิดเดินรถวันที่ 2 ธ.ค.นี้ โดยเส้นทางดังกล่าวผ่านสถานีบ่อเต็น-โมฮาน ชายแดน สปป.ลาว-จีน บนถนนอาร์สามเอ ทำให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกเดินทางจากไทยไปขึ้นรถไฟความเร็วสูงดังกล่าวแล้วเดินทางไปได้หลายทิศทาง
ส่วนการค้าชายแดนนั้นเชื่อว่านักลงทุนโดยเฉพาะจากจีนกำลังดูต้นทุนการขนส่ง เนื่องจากตอนนี้ทางการ สปป.ลาวมีข้อกำหนดให้เปลี่ยนหัวลากรถบรรทุกข้ามแดนที่สถานีเปลี่ยนถ่ายเมืองห้วยทราย แขวงบ่อแก้ว ติดกับ อ.เชียงของ ทำให้รถบรรทุกต้องเปลี่ยนจากรถจากฝั่งไทยเป็น สปป.ลาว สลับกัน
“หากสินค้าขนส่งมากับระบบรางต้องขนใส่รถบรรทุกแล้วยังต้องเปลี่ยนหัวลากเพื่อขนส่งไปตามถนนอาร์สามเอไทย-สปป.ลาว-จีน จะยุ่งยากและล่าช้า อาจไม่เหมาะกับสินค้าสดได้ และเมื่อรถไฟความเร็วสูงเชื่อม จ.หนองคาย-มณฑลยูนนาน เปิดบริการ ทำให้มีทางเลือกมากขึ้นด้วย”
ดังนั้น กรณีการขนส่งสินค้าชายแดนต้องมองในระยะยาวว่าจะเติบโตขึ้นตามที่คาดหมายกันหรือไม่ โดยมีปัจจัยเรื่องต้นทุน ระเบียบใน สปป.ลาว เรื่องการขนส่ง การเสียค่าธรรมเนียมไม่เบ็ดเสร็จโดยต้องเสียถึง 2 แขวงทั้งแขวงบ่อแก้ว และแขวงหลวงน้ำทาก่อนถึงจีน จึงเห็นว่าลาวอาจต้องปรับเปลี่ยนหากต้องการเป็นแลนด์ลิงก์
สำหรับแนวเส้นทางรถไฟรางคู่สายเด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ผ่านพื้นที่ 4 จังหวัด คือ แพร่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย จำนวน 59 ตำบล 17 อำเภอ มีสถานีทั้งสิ้น 26 สถานี ประกอบด้วย สถานีขนาดใหญ่ 4 สถานี สถานีขนาดเล็ก 9 สถานี และป้ายหยุดรถ 13 แห่ง จากการสำรวจของ รฟท.พบมีสิ่งปลูกสร้างในแนวเขต 8 อำเภอเฉพาะ จ.เชียงราย จำนวน 791 หลัง ไม้ยืนต้น 2,119 แปลง และมีแปลงที่ดินที่ถูกเวนคืนรวม 3,172 แปลง