อุทัยธานี - ญาติผู้ต้องขังฮือขึ้นศาลากลางอุทัยธานี..ร้องผู้ว่าฯ ตรวจสอบสถานการณ์โควิดในเรือนจำอุทัยฯ หวั่นเข้าขั้นวิกฤต เผยสอบถามไปไม่เคยได้คำตอบ-ส่อปกปิดข้อเท็จจริง ขณะที่คนเพิ่งพ้นโทษระบุมาตรการดูแลสุดอนาถ ไม่มี รพ.สนาม รักษา-จ่ายยาไม่ทั่วถึง
วันนี้ (3 ก.ย. 64) กลุ่มญาติของผู้ต้องขังในเรือนจำอุทัยธานีประมาณ 20 คนได้รวมตัวกันเข้ายื่นหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดอุทัยธานีหลังพบว่าผู้ต้องขังในเรือนจำติดเชื้อโควิดแล้วจำนวนมาก และยังไม่มีทีท่าว่าจะควบคุมได้ โดยข้อมูลผู้ติดเชื้อล่าสุด ณ วันที่ 2 กันยายน 2564 มียอดผู้ต้องขังติดเชื้อ 457 ราย จากผู้ต้องขังทั้งหมด 717 ราย
กลุ่มญาติผู้ต้องขังเรือนจำอุทัยธานีระบุในหนังสือว่า ขอความกรุณาจากผู้ว่าฯ ให้ช่วยตรวจสอบสถานการณ์โควิดในเรือนจำจังหวัดอุทัยธานี ซึ่งญาติกังวลว่าจะเข้าขั้นสถานการณ์วิกฤต แต่ไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นจริงและเป็นปัจจุบัน ทางญาติจึงขอเรียกร้องดังต่อไปนี้
1. ขอให้เรือนจำแจ้งจำนวนผู้ติดเชื้อรายวัน จำนวนผู้ติดเชื้อสะสมทั้งหมดกี่คน หายกี่คน เสียชีวิตกี่คน ตามความเป็นจริง ซึ่งที่ผ่านมานั้นญาติคิดว่าเรือนจำปกปิดข้อมูล สอบถามอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบ หรือได้ข้อมูลไม่ตรงกับประเด็นคำถาม บางครั้งก็ตำหนิที่ญาติถามหรือแสดงความคิดเห็น
2. ขอให้เรือนจำแจ้งญาติผู้ต้องขังที่มีอาการหนักจนต้องส่งไปรักษาที่โรงพยาบาล ซึ่งญาติกังวลว่าผู้ต้องขังจะได้รับการรักษาล่าช้าเหมือนกับผู้ต้องขังที่เสียชีวิตก่อนหน้านี้ ให้เรือนจำออกมาชี้แจงความจริง เกี่ยวกับการได้รับการรักษาที่ล่าช้า ไม่ได้รับการประเมินอาการ ไม่ได้รับการซักประวัติหรือไม่ได้แยกให้เขาอยู่ในกลุ่มที่มีโรคประจำตัวหรือไม่ เพื่อให้ญาติกระจ่างว่าทำไมมีผู้เสียชีวิต
3. ขอให้เรือนจำอัปเดตการดูแลรักษา การได้รับยาของผู้ป่วย การแยกผู้ป่วย หรือลักษณะของโรงพยาบาลสนามให้มั่นใจว่าเรือนจำใส่ใจในการดูแลรักษาผู้ป่วยอย่างเต็มที่ และ 4. ขอให้เรือนจำเอาใจใส่ผู้ป่วยให้มากกว่านี้ ถ้าติดขัดตรงไหนสามารถแจ้งญาติได้ ซึ่งทุกคนพร้อมจะให้ความช่วยเหลือ หรือทางเรือนจำไม่สามารถดูแลผู้ต้องขังหรือควบคุมสถานการณ์ได้ ทางญาติขอวิงวอนให้ผู้มีอำนาจหรือหน่วยงานอื่นเข้าให้การช่วยเหลืออย่างทันท่วงที
ญาติผู้ต้องขังระบุว่า ที่ผ่านมาได้แต่ฟังข่าวและเฝ้าสอบถามจากคนอื่นๆ เท่าที่ความสามารถของญาติจะทำได้ เช่น จากโรงพยาบาล คนรู้จัก และจากผู้ต้องขังที่พ้นโทษออกมาถึงสถานการณ์ข้างใน โดยผู้ต้องขังที่เพิ่งพ้นโทษออกมาได้ให้ข้อมูลแก่ญาติว่า
1. ข้างในไม่ได้มีโรงพยาบาลสนามตามที่เรือนจำแจ้งแก่ญาติ เป็นเพียงการแยกห้องกัน แต่ก็มีการนำผู้ที่ไม่ติดเชื้อไปอยู่ร่วมกันกับผู้ที่ติดเชื้อ ไม่ได้มีมาตรการการคัดกรองผู้ป่วย จึงทำให้เกิดการระบาดเพิ่มขึ้น 2. ผู้ป่วยไม่ได้รับการตรวจโควิดซ้ำจากโรงพยาบาลทุกคน บางคนตรวจกับหมอในเรือนจำ พบเชื้อบ้างไม่พบเชื้อบ้าง บางคนเป็นแล้วก็รักษากันเอง ช่วยกันเอง หายกันเอง โดยที่เจ้าหน้าที่ไม่ได้ทราบหรือให้ความสนใจว่าติดหรือไม่ บางคนเจ้าหน้าที่ก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าติดเชื้อโควิด เพราะเจ้าหน้าที่ไม่ได้มาดู สำรวจ หรือถามไถ่
3. ผู้ป่วยทำการดูแลและรักษากันเอง ไม่มีเจ้าหน้าที่ของเรือนจำเข้าไปดูแลหรือถามไถ่ และระยะหลังไม่ได้มีหมอเข้าไปดูอาการ ไม่ทราบเพราะอะไร วิธีการคือถ้าใครมีอาการหนักก็จะเป่านกหวีดให้เจ้าหน้าที่มารับออกไป แต่บางครั้งก็ไม่มีใครเข้ามาดูจนนักโทษต้องโวยวายกันเองเพราะกลัวเพื่อนที่เป็นหนักจะเสียชีวิต ซึ่งบางครั้งก็ล่าช้าเกินไปเพราะผู้ต้องขังไม่สามารถประเมินอาการกันเองได้ จนผู้ป่วยบางรายมีอาการเชื้อลงปอด
4. อาหารผู้ป่วยได้รับครบทั้งสามมื้อ แต่มีเพียงเนื้อหมู 2 ชิ้นกับน้ำต้ม ไม่มีสารอาหารใดๆ ที่ใช้บำรุงร่างกายสำหรับผู้ป่วย น้ำดื่มบางวันก็ไม่เพียงพอ มีการจ่ายยาให้ผู้ป่วยแต่ก็ไม่เพียงพอและไม่ทั่วถึง รวมทั้งอุปกรณ์ป้องกันก็มีไม่เพียงพอต่อการใช้งาน ทางญาติจึงอยากขอความเห็นใจและความช่วยเหลือจากผู้ว่าราชการจังหวัด ช่วยตรวจสอบและดูสถานการณ์ในเรือนจำอย่างเร่งด่วนที่สุด
ทั้งนี้ ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดอุทัยธานีได้รับเรื่องร้องเรียนไว้เพื่อนำเสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัด และจะเรียกผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดอุทัยธานีมาชี้แจงต่อไป
ด้านนางสาววิพรพักตร์ ค่ายบุญศรี ผู้บัญชาการเรือนจำจังหวัดอุทัยธานี เปิดเผยว่า ทางเรือนจำดูแลผู้ต้องขังตามมาตรฐานการรักษา โดยทางโรงพยาบาลอุทัยธานีก็เข้ามาดูแลเรื่องการรักษาด้วย และพร้อมจะชี้แจงต่อไป