กาญจนบุรี - ทายาทลูกชายอดีต ส.ส.ชื่อดัง จ.กาญจน์ เจอ พ.ร.บ.อุทยานฯ ฉบับใหม่ พ.ศ.62 เล่นงาน ยอมถอยรื้อทิ้งทรัพย์สิน คืนที่ให้รัฐมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท เตรียมพัฒนาเป็นทุ่งหญ้าเชื่อมป่าทุ่งใหญ่ฯ ผืนป่ามรดกโลก
วันนี้ (13 ส.ค.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า ตนเองพร้อมด้วยนายกมลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู นายบรรจง รสจันทร์ นายก อบต.ชะแล นายสถาพร ทองผาภูมิปฐวี ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านบ้านคลิตี้ หมู่ 4 ต.ชะแล พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู เจ้าหน้าที่หน่วยฯ กจ.6 (พุเตย) เจ้าหน้าที่หน่วยฯ กจ.18 (วังเกียง) และเจ้าหน้าที่ สปป.1 ภาคกลาง กว่า 20 นาย
ร่วมเดินทางไปติดตามความคืบหน้าการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสินของทายาทนายคงสิทธิ์ กลีบบัว ลูกชาย อดีต ส.ส.จังหวัดกาญจนบุรี ที่ยินยอมรื้อถอนโรงเรือน จำนวน 5 หลัง สวนยางพารา ปาล์ม ไผ่ตง และพืชไร่ บนเนื้อที่ 592-2-58 ไร่ มูลค่าที่ดิน และทรัพย์สินรวมกันประมาณ 30 ล้านบาท โดยสิ่งปลูกสร้างรวมทั้งที่ดินแปลงดังกล่าวรุกเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ท้องที่หมู่ 4 ต.ชะแล อ.ทองผาภูมิ จ.กาญจนบุรี
“ซึ่งการรื้อถอนเป็นไปตามประกาศคำสั่งที่นำไปติดประกาศเอาไว้ในพื้นที่ตั้งแต่วันที่ 17 มิ.ย.64 ที่ผ่านมา เป็นไปตามข้อสั่งการของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนินการปราบปราม นายทุนบุกรุกป่าอย่างเด็ดขาด” นายนิพนธ์ กล่าว
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) กล่าวว่า การที่ทายาทโดยธรรมของนายคงสิทธิ์ ยอมรื้อถอนด้วยตนเองนั้น สืบเนื่องมาจากเมื่อวันที่ 8 ธ.ค.2559 อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ได้นำเอกสารหลักฐานเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ เพื่อแจ้งความดำเนินคดีต่อนายคงสิทธิ์ กลีบบัว ลูกชายอดีต ส.ส.ชื่อดังของจังหวัดกาญจนบุรี ในข้อหา "ปลูกสร้าง และยึดถือ ครอบครอง อุทยานแห่งชาติลำคลองงูโดยมิได้รับอนุญาต"
ต่อมาวันที่ 23 ก.ค. 2561 อัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งไม่ฟ้อง นายคงสิทธิ์ โดยให้เหตุผลว่า ไม่มีเจตนาในการกระทำผิด ต่อมาวันที่ 29 ธ.ค. 2563 นายคงสิทธิ์ กลีบบัว ได้เสียชีวิตลง ทำให้ทรัพย์สินทั้งหมดตกไปเป็นของทายาททันที
นายกมลลาศ อิสสอาด หัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู เห็นว่า ถึงแม้อัยการจังหวัดกาญจนบุรี จะมีคำสั่งไม่ฟ้องก็ตาม แต่ที่ดินแปลงดังกล่าวนั้นอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติลำคลองงู ซึ่งหัวหน้าอุทยานแห่งชาติลำคลองงู มีอำนาจประกาศคำสั่งให้ทายาทโดยธรรมของนายคงสิทธิ์ รื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง รวมทั้งพืชผลอาสินทั้งหมดออกไปให้พ้นเขตอุทยานฯ ได้ โดยหากไม่ยอมรื้อถอน ทายาทโดยธรรมจะมีความผิดตามมาตรา 35 (2) พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติฉบับใหม่ มีโทษจำคุกตั้งแต่ 1-3 ปี ปรับไม่เกิน 300,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และจะต้องถูกปรับอีกวันละไม่เกิน 1 หมื่นบาท จนกว่าเจ้าหน้าที่จะทำการรื้อถอนเสร็จ
นายนิพนธ์ กล่าวอีกว่า หลังจากที่ทายาทโดยธรรมของนายคงสิทธิ์ ได้ทำการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง พืชผลอาสิน และทำการขนย้ายสิ่งของต่างๆ ออกจากพื้นที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงูหมดแล้ว จากสภาพที่ได้ลงพื้นที่มาติดตามความคืบหน้าในการรื้อถอน คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือนสิงหาคม 2564 นี้คงจะแล้วเสร็จ
จากนั้นอุทยานแห่งชาติลำคลองงู รวมทั้งผู้นำท้องถิ่น ผู้นำท้องที่ และประชาชนในพื้นที่ หมู่ 4 ต.ชะแล จะนำที่ดินแปลงดังกล่าวมาพัฒนาเป็นทุ่งหญ้าขนาดใหญ่ให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์เหมือนในอดีต และที่สำคัญพื้นที่ที่อุทยานแห่งชาติลำคลองงู ยึดคืนมีแนวเขตติดกับเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ที่เป็นผืนป่ามรดกโลก อนาคตจะกลายเป็นแหล่งน้ำแหล่งอาหารของสัตว์ป่าได้เป็นอย่างดีอีกด้วย