กาญจนบุรี - อช.ไทรโยค กรมอุทยานฯ นำประกาศสั่งผู้ประกอบการเคลื่อนย้ายแพพักหรูกลางแม่น้ำแควน้อย ออกไปให้พ้นเขตอุทยานฯ ภายใน 30 วัน หลังสู้คดีมาร่วม 4 ปี หากยังนิ่งเฉยเจอโทษหนัก แถมโดนค่าปรับอ่วม พร้อมคดีฟอกเงิน
วันนี้ (6 ส.ค.) นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) นายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค นายจิรายุ พูลทวี ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค และเจ้าหน้าที่ผู้พิทักษ์ป่าอุทยานแห่งชาติไทรโยค จ.กาญจนบุรี กว่า 20 นาย นำคำสั่งไปติดประกาศที่ "ไทรโยค โฟลทเทล" รีสอร์ตที่เป็นแพพักหรู มูลค่าประมาณ 20 ล้านบ้าน ตั้งอยู่กลางแม่น้ำแควน้อย ท้องที่หมู่ 7 ต.ไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี เพื่อให้นายวสันต์ สดใส เจ้าของทำการเคลื่อนย้ายออกไปให้พ้นแม่น้ำแควน้อย ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค ภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันติดป้ายประกาศคำสั่ง
การปิดประกาศดังกล่าวเป็นไปตามนโยบายของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมทั้ง ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ที่ให้ดำเนินการปราบปราม นายทุนบุกรุกป่าอย่างเด็ดขาด
ทั้งนี้ นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 9 พ.ค.60 เจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ได้เข้าตรวจยึดแพพักหรูเอาไว้ พร้อมกับเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน สภ.ไทรโยค ให้ดำเนินคดีต่อนายวสันต์ ในข้อหา "ก่อสร้าง และยึดถือครอบครอง ที่ดิน และแม่น้ำ ที่อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค โดยมิได้รับอนุญาต"
ต่อมา วันที่ 15 ส.ค.61 อัยการจังหวัดกาญจนบุรี มีคำสั่งไม่ฟ้องนายวสันต์ โดยให้เหตุผลว่าขาดเจตนาการกระทำผิด ทำให้คดีอาญาต้องยุติไป และห้ามไม่ให้มีการสอบสวนเกี่ยวกับบุคคลนั้นอีก เว้นแต่จะได้พยานหลักฐานใหม่ที่สำคัญแก่คดี ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญามาตรา 147
ขณะที่คดีทางปกครอง ศาลปกครองกลางได้มีคำพิพากษาให้นายวสันต์ เคลื่อนย้ายแพพัก ทั้งหมดออกไปให้พ้นจากแม่น้ำแควน้อยที่อยู่ ในอุทยานแห่งชาติไทรโยค ซึ่งตัวของนายวสันต์ ไม่อุทธรณ์ ต่อศาลปกครองสูงสุด คดีจึงถึงที่สุดตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลาง และศาลปกครองกลางได้มีหนังสือที่ 52/2564 ลงวันที่ 19 พ.ค.64 รับรองคดีถึงที่สุดไปแล้ว
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผอ.สบอ.3 (บ้านโป่ง) เปิดเผยว่า แต่อย่างไรก็ตาม สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) กรมอุทยานฯ เห็นว่าถึงแม้อัยการจังหวัดกาญจนบุรี จะมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวสันต์ เพราะขาดเจตนากระทำผิดก็ตาม แต่แพพักไทรโยค โฟลทเทล ที่ตั้งอยู่กลางแม่น้ำแควน้อยนั้นยังอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติไทรโยค
ประกอบกับศาลปกครองกลาง ได้มีคำพิพากษาให้นายวสันต์ ดำเนินการเคลื่อนย้ายออกไปให้พ้นพื้นที่ ดังนั้น นายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค จึงมีอำนาจในการประกาศคำสั่งให้นายวสันต์ เคลื่อนย้ายได้ และหากยังไม่ดำเนินการตามประกาศคำสั่งรื้อให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน หากพ้นกำหนดอุทยานแห่งชาติไทรโยค จะนำเจ้าหน้าที่เข้ามาดำเนินการเอง แต่นายวสันต์ จะต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเคลื่อนย้ายแพพักให้ทางราชการเป็นเงินมากถึง 5 แสนบาท ตามการประเมิน
ทั้งนี้ นายวสันต์ ควรดำเนินการเคลื่อนย้ายด้วยตนเอง แต่ถ้าหากยังนิ่งเฉยไม่ยอมทำตามประกาศคำสั่ง อาจจะมีความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ ฉบับใหม่ พ.ศ.2562 มาตรา 35 (1) ซึ่งบัญญัติไว้ว่าหากมีการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามคำสั่งของเจ้าพนักงาน ที่สั่งให้บุคคลออกจากอุทยานแห่งชาติ หรือให้งดเว้นการกระทำใดๆ หรือให้เคลื่อนย้ายสิ่งของออกจากอุทยานแห่งชาติ หากไม่ปฏิบัติตาม จะต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน หรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และบุคคลนั้นจะต้องมีโทษปรับรายวันอีกวันละไม่เกิน 10,000 บาท จนกว่าจะได้ปฏิบัติให้ถูกต้อง
นอกจากนี้ อาจมีความผิดตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ.2542 มาตรา 3 (15) เป็นความผิดเกี่ยวกับการแสวงหาประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ โดยมิชอบด้วยกฎหมาย อันมีลักษณะเป็นการค้า ซึ่งจะต้องถูกพนักงานเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน ยึดทรัพย์สินอีกด้วย