นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ยื่นคำร้องถึงคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยมีนายสุทธิ บุญมี ผู้อำนวยการสำนักสืบสวนและกิจการพิเศษ เป็นผู้รับหนังสือ เพื่อขอให้ไต่สวน และมีความเห็นกรณีศาลปกครองสูงสุดมีคำพิพากษาถึงที่สุดให้ยกฟ้องในคดีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ฟ้องขอให้เพิกถอนคำสั่งอธิบดีกรมเจ้าท่าที่ให้รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำลำน้ำในแม่น้ำแควน้อย เป็นการกระทำที่เข้าข่ายฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2551 ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย ได้กระทำการทิ้งหิน ดิน ล่วงล้ำลำน้ำแควน้อยเกินกว่าแนวเขตที่ดินของตนโดยไม่ได้รับอนุญาตจากกรมเจ้าท่า ตามมาตรา 119 แห่ง พ.ร.บ.เดินเรือในน่านน้ำไทย 2456 พร้อมกับมีการปลูกต้นไม้ทำเป็นสวนหย่อม และทำทางเท้าปูด้วยแผ่นหิน อันเป็นการปลูกสร้างสิ่งอื่นใดล่วงล้ำเข้าไปในน้ำ ซึ่งเป็นการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อทรัพยากรธรรมชาติของแผ่นดิน ซึ่งกรมเจ้าท่าได้สั่งให้ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ รื้อถอนสิ่งล่วงล้ำในแม่น้ำแควน้อยออกไปภายใน 30 วันแล้ว ตามมาตรา 118 ทวิ แต่กลับฝ่าฝืนและนำความไปฟ้องศาล จนบัดนี้ ศาลมีคำพิพากษาถึงที่สุดแล้ว
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า การกระทำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ซึ่งเป็น ส.ส.และหัวหน้าพรรคการเมือง อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหลายข้อ เช่น ข้อ 7 ข้อ 11 และข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง ซึ่งคล้ายกับกรณีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมติส่งเรื่องไปยังอัยการสั่งฟ้องไปยังศาลฎีกา และขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกันต่อไป
นายศรีสุวรรณ กล่าวอีกว่า การกระทำของ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ซึ่งเป็น ส.ส.และหัวหน้าพรรคการเมือง อาจเข้าข่ายฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานจริยธรรมอย่างร้ายแรงหลายข้อ เช่น ข้อ 7 ข้อ 11 และข้อ 17 ประกอบข้อ 27 วรรคสอง ซึ่งคล้ายกับกรณีของ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี สมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงนำความมาร้องเรียนให้ ป.ป.ช.ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และมีมติส่งเรื่องไปยังอัยการสั่งฟ้องไปยังศาลฎีกา และขอให้หยุดปฏิบัติหน้าที่เช่นเดียวกันต่อไป