ประจวบคีรีขันธ์ - ได้ฤกษ์สักที! ปกครองหัวหินหลังหาหลักฐานนานกว่า 4 เดือน เข้าแจ้งความจับ 2 ผับคลัสเตอร์โควิด-19 ต่อเนื่อง มายาผับแล้ว
วันนี้ (10 ส.ค.) นายมนตรี มานิชพงษ์ ปลัดอำเภอฝ่ายความมั่นคง อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นายเจนวิท ผลิศักดิ์ ผู้ช่วยสาธารณสุขอำเภอหัวหิน นำหลักฐานเข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สภ.หัวหิน ร้องทุกข์กล่าวโทษสถานบันเทิงชื่อดัง 2 แห่ง ประกอบด้วย “ไลน์อัพ” และ “ทองสุขคาเฟ่” ในเขตเทศบาลเมืองหัวหิน ตามข้อมูลปรากฏในไทม์ไลน์ของสาธารณสุขจังหวัดประจวบฯตรวจพบผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 หลายรายจากสถานบันเทิง และตามคำสั่งของ ศบค.จ.ประจวบฯ
โดยให้ดำเนินคดีต่อเจ้าของกิจการ ผู้จัดการร้าน หรือบุคคลผู้มีหน้าที่ดูแลรับผิดชอบ หรือหากสอบสวนแล้วมีผู้ที่เกี่ยวข้องเพิ่มอีกก็ให้ดำเนินคดีในข้อหาฝ่าผืนพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ.2558 พระราชบัญญัติสถานบริการ พ.ศ.2509 คำสั่งที่ออกตามความในพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 และคำสั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ หรือระเบียบกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง ซึ่งหลังพนักงานสอบสวนได้รับเรื่องแล้วจะดำเนินการเรียกตัวผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดไปสอบปากคำเพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนกรณีที่เข้าแจ้งความล่าช้าหลังเกิดเหตุตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองระดับจังหวัดประจวบฯ อ้างว่า เจ้าหน้าที่อำเภอหัวหินอยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานโดยใช้เวลานานกว่า 4 เดือน และเกรงว่าจะถูกแจ้งดำเนินคดีตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 จึงเข้าแจ้งความเอาผิดต่อเจ้าของสถานบันเทิง 2 แห่งที่ประกอบกิจการและพบว่าอยู่นอกโซนนิ่ง มีไทม์ไลน์ของผู้ป่วยโควิด-19 ยืนยันว่าปิดบริการหลังเที่ยงคืน สำหรับร้านระรื่นชื่นบาร์ ชื่อดัง มีไทม์ไลน์ผู้ป่วยโควิด-19 เช่นเดียว 2 ผับนั้น เจ้าหน้าที่อ้างว่ายังไม่แจ้งความ เนื่องจากไม่ทราบว่ามีบุคคลใดร่วมประกอบกิจการ
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีต่อสถานบันเทิง ภายหลังเกิดคลัสเตอร์ใหญ่จากคอนเสิร์ต “โจอี้ บอย” ในสถานบันเทิง “มายาผับ” เขตเทศบาลเมืองหัวหิน เมื่อคืนวันที่ 30 มีนาคมที่ผ่านมา เมื่อวันที่ 30 ก.ค. ศาลจังหวัดหัวหินได้พิพากษาสถานบันเทิง “มายาผับ” โดยศาลสั่งปรับจำเลยที่ 1 บริษัทมายามิวสิคเอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด จำนวน 40,000 บาท จำเลยที่ 2 นายชาลี ศรีทองกูล อายุ 48 ปี กรรมการบริษัทมายามิวสิคเอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด และจำเลยที่ 3 นายคมกริช พิลาคง อายุ 43 ปี ผจก.ดูแลร้านมายาผับ จำคุกคนละ 6 เดือน
จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำเลยที่ 1 ปรับ 20,000 บาท จำเลยที่ 2 ที่ 3 จำคุกคนละ 3 เดือนโดยไม่รอการลงโทษ ซึ่งจำเลยที่ 2 ที่ 3 ได้ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยวางเงินสดคนละ 30,000 บาท