ประจวบคีรีขันธ์ - มายาผับหัวหิน คลัสเตอร์โควิด-19 ศาลสั่งจำคุก กก.-ผจก. 3 เดือนไม่รอลงอาญา ฐานแอบจัดคอนเสิร์ตโจอี้ บอย ขัด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน
วันนี้ (31 ก.ค.) นายพัลลภ สิงหเสนี ผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยในการแถลงข่าวที่ห้องประชุมสำนักงานสาธารณสุขจังหวัด (สสจ.) ประจวบคีรีขันธ์ กรณีมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 จำนวนมากกว่า 1,000 ราย เชื่อมโยงคลัสเตอร์สถานบันเทิงมายาผับ ที่ อ.หัวหิน หลังจากมีการจัดคอนเสิร์ตโจอี้บอย มีกลุ่มเสี่ยงกว่า 1,500 คน เดินทางไปร่วมดื่มกิน เมื่อคืนวันที่ 30 มีนาคม 2564 โดย ศปก.อำเภอ อ้างว่าไม่ได้รับรายงานการจัดคอนเสิร์ตดังกล่าว ซึ่งเข้าข่ายมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ร.บ.โรคติดต่อ และ พ.ร.บ. สถานบริการ ทั้งนี้ หลังเกิดเหตุฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจไม่พบกล้องจรปิดภายในสถานบริการดังกล่าว
ต่อมา ผู้ว่าราชการจังหวัดมีคำสั่งย้ายปลัดอาวุโส ที่ทำการปกครอง อ.หัวหินไปที่ทำการปกครอง อ.กุยบุรี พร้อมตั้งกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงกรณีไปร่วมดื่มในการจัดงานดังกล่าวแต่ไม่ใช้อำนาจหน้าที่สั่งระงับยับยั้ง ขณะเดียวกัน มีคำสั่งย้าย พ.ต.อ.ไพทูล พรมเขียน ผกก.สภ.หัวหิน ประจำ ศปก.ตำรวจภูธรจังหวัดจนกว่าคดีจะแล้วเสร็จ
นายพัลลภ กล่าวว่า ขณะนี้ผู้ประกอบการมายาผับไม่ประสงค์จะต่อใบอนุญาต เนื่องจากสถานบริการอยู่นอกเขตโซนนิ่ง สำหรับใบอนุญาตเดิมในชื่อ Hi4 Pub ทราบว่าดำเนินการอนุญาตไว้ก่อนหน้านี้นานหลายปี ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าผู้ประกอบไม่ต่อใบอนุญาตเพราะอาจจะหลบเลี่ยงคำสั่งปิดสถานที่นาน 5 ปีหรือไม่ ขอเรียนว่าหลังจากนี้อาคารดังกล่าวไม่สามารถเปิดเป็นสถานบริการได้อีก
สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดสถานบันเทิงมายา หัวหิน ศาลจังหวัดหัวหินมีคำพิพากษาในคดีอาญา หมายเลขดำที่ อ.619/2564 คดีอาญาหมายเลขแดงที่ อ.602/2564 ระหว่างพนักงานอัยการจังหวัดหัวหิน โจทก์ บริษัทมายามิวสิคเอนเตอร์เทนเมนท์ จำกัด จำเลยที่ 1 นายชาลี ศรีทองกูล จำเลยที่ 2 และนายคมกริช พิลาคง จำเลยที่ 3 ในข้อหาร่วมกันฝ่าฝืนข้อกำหนด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฝ่าฝืนคำสั่งของผู้ว่าราชการจังหวัด โดยไม่ได้รับยกเว้นหรือมีเหตุจำเป็นอื่น ไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่
ศาลพิพากษาว่า จำเลยทั้งสามมีความผิดตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน คำสั่งจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ที่ 2009/2564 พ.ร.บ.โรคติดต่อ ปรับจำเลยที่ 1 จำนวน 40,000 บาท จำเลยที่ 2 ที่ 3 จำคุกคนละ 6 เดือน จำเลยทั้งสามให้การรับสารภาพลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 จำเลยที่ 1 ปรับ 20,000 บาท จำเลยที่ 2 ที่ 3 จำคุกคนละ 3 เดือน เห็นว่าการกระทำของจำเลยที่ 2 ที่ 3 ก่อให้เกิดความเสียหายต่อสังคมโดยส่วนรวม โทษจำคุกไม่รอการลงโทษ กรณีจำเลยที่ 1 ไม่ชำระค่าปรับให้จัดการตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 29
ทั้งนี้ ภายหลังจากศาลตัดสินจำเลยที่ 1 ชำระค่าปรับ ส่วนจำเลยที่ 2 ที่ 3 ยื่นคำร้องขอปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์ โดยวางเงินสดคนละ 30,000 บาท ขณะที่สถานบันเทิงรายอื่นตามไทม์ไลน์ประกอบด้วย ทองสุข ไลน์อัพ และระรื่นชื่นบาร์ ซึ่งเข้าข่ายเปิดเป็นสถานบริการโดยไม่มีใบอนุญาต ยังไม่มีฝ่ายปกครองหรือเจ้าหน้าที่สาธารณสุขอำเภอหัวหินเข้าแจ้งความแต่อย่างใด หลังจากช่วงต้นเดือนเมษายน 2564 สถานบันเทิงทั้งหมดเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ที่ทำให้มีการระบาดทั่วทั้งจังหวัด