ศูนย์ข่าวศรีราชา - ภาคธุรกิจพัทยา วอนรัฐเร่งมาตรการเยียวประชาชน ภาคธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ชี้ล็อกดาวน์ชลบุรีรอบนี้ทำเศรษฐกิจทรุดหนัก เผยแม้ถูกยกระดับเป็นสีเป็นแดงแต่จะยังเดินหน้าโครงการ Pattaya Move on หวังเปิดเมืองให้ทัน 1 ก.ย.นี้
ภายหลังจากที่ราชกิจจานุเบกษา ได้ประกาศเพิ่มพื้นที่สีแดงเข้มในการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 เพิ่มจาก 10 จังหวัดเป็น 13 จังหวัดโดยให้รวม จ.ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และพระนครศรีอยุธยา ที่จะดำเนินมาตรการตามที่ ศบค.กำหนด เช่น ห้ามเดินทางข้ามจังหวัดโดยไม่มีเหตุจำเป็น ปิดสถานบริการทุกประเภท ร้านอาหารให้เปิดได้เฉพาะซื้อกลับบ้านและให้ปิดบริการในเวลา 20.00 น.
ส่วนประชาชนทั่วไปห้ามออกจากเคหสถานตั้งแต่เวลา 21.00-04.00 น.ของวันถัดไป โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 20 ก.ค.นี้เป็นต้นไป โดยจะมีกรอบระยะเวลาดำเนินการรวม 14 วันนั้น
ล่าสุด นายพิสูจน์ แซ่คู นายกสมาคมโรงแรมไทยภาคตะวันออก หรือ THA ได้ออกมาเปิดเผยว่า มาตรการดังกล่าวย่อมมีผลกระทบต่อการท่องเที่ยวของเมืองพัทยาให้ย่ำแย่กว่าที่เป็นอยู่อย่างแน่นอน
โดยภาพที่เห็นได้ชัดที่สุดคือ สถานการณ์การท่องเที่ยวในปีนี้คงหมดหวังที่จะมีนักท่องเที่ยวเต็ม 100% เหมือนในอดีตเนื่องจากการแพร่ระบาดของโรคยังรุนแรงแม้แต่ในทวีปเอเชีย หรือยุโรป
ขณะที่การเปิดเมืองของ จ.ภูเก็ต หรือ Phuket Sandbox ยังพบปัญหา หรือแม้แต่เกาะสมุย ที่เปิดเมืองท่องเที่ยวแบบ Seal Route พบว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวไม่ได้เพิ่มมากนัก
อย่างไรก็ดี แม้ในวันนี้ จ.ชลบุรี จะถูกยกระดับให้เป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุด แต่ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวในเมืองพัทยายังมีความหวังที่จะได้เห็นการเปิดเมืองแบบ Soft Opening ในวันที่ 1 ก.ย.นี้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยกลุ่มนักท่องเที่ยวเป้าหมายน่าจะยังเป็นกลุ่มยุโรปที่อาจหนีความหนาวเย็นในช่วงเดือน พ.ย.เข้ามาพักผ่อนในพื้นที่ ซึ่งจะตรงกับช่วงไฮซีซัน หรือฤดูกาลท่องเที่ยวของไทยพอดี
“แต่ปัจจัยที่จะสนับสนุนการเปิดเมืองที่ดีที่สุดคือ การจัดสรรวัคซีนจากภาครัฐ ซึ่งที่ผ่านมาภาคธุรกิจในเมืองพัทยา ได้ร้องขอวัคซีนจำนวน 900,000 โดส เพื่อรองรับประชาชนและภาคธุรกิจบริการในพื้นที่ที่มีจำนวน 45,000 คน ซึ่งถึงวันนี้ก็คงเป็นเรื่องลำบากเพราะที่ผ่านมาการจัดสรรวัคซีนจากรัฐไม่มีความชัดเจน”
นายพิสูจน์ ยังบอกอีกว่า เมืองพัทยา จ.ชลบุรี อยู่ในแผนเปิด 10 จังหวัดท่องเที่ยวตามประกาศของรัฐบาบ ซึ่งในวันนี้ภาคเอกชนพร้อมออกค่าใช้จ่ายในการจัดซื้อวัคซีนเพื่อฉีดให้พนักงานภาคบริการเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่และความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว เพียงแต่ขอให้รัฐหันมาให้การสนับสนุนมากกว่าที่เป็นอยู่
เช่นเดียวกับ นายสินไชย วัฒนศาสตร์สาธร ที่ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา บอกว่า การประกาศล็อกดาวน์ จ.ชลบุรี ในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของประชาชนทั่วไปและภาคเอกชนในพื้นที่อย่างแน่นอน แต่ต้องยอมรับว่าสาเหตุเกิดจากตัวเลขผู้ติดเชื้อในพื้นที่ที่มีจำนวนสูงขึ้นมาก
โดยสิ่งที่ภาคเอกชนอยากได้จากรัฐบาลคือ มาตรการเยียวยาทั้งในส่วนของประชาชน และผู้ประกอบธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมอย่าง SME โดยเฉพาะร้านอาหารที่สุดท้ายอาจไม่สามารถแบกรับภาระต่อไปได้
เพราะแม้จะมีการอนุญาตให้เปิดร้านอาหารแต่ไม่อนุญาตให้นั่งรับประทาน เชื่อว่าจะไม่ทำให้ยอดขายมากขึ้น
“ส่วนภาคเอกชนจะยังคงพยายามผลักดันให้เกิดโครงการเพื่อสนับสนุนการท่องเที่ยวในพื้นที่ต่อไป โดยเฉพาะโครงการ Pattaya Move on รวมทั้งการผลักดันเรื่องการจัดสรรวัคซีนสำหรับฉีดให้ภาคธุรกิจบริการและประชาชนให้ครอบคลุมสัดส่วน 70% เพื่อทำให้สถานการณ์ต่างๆ คลี่คลาย และสามารถเปิดเมืองพัทยาได้ในวันที่ 1 ก.ย.นี้” ปรึกษาสมาคมนักธุรกิจและการท่องเที่ยวเมืองพัทยา กล่าว