บุรีรัมย์- ชาวบ้านต.อิสาณเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ บุรีรัมย์ 19 คน วอนขอความเป็นธรรมหลังใช้อวนและแหเตรียมลงจับปลาในคลองลำปะเทีย เพื่อประกอบอาหารประทังชีวิตช่วงโควิดระบาด ถูกจนท.ประมงจับกุมโทษฐานจับปลาสัตว์น้ำในฤดูวางไข่ ยันไม่รู้มีข้อห้ามไม่มีป้ายบอกและยังไม่ได้จับปลาสัก ตัวควรตักเตือนก่อนจับ
วันนี้ (16 ก.ค.) ชาวบ้านหลายหมู่บ้านในตำบลอีสานเขต อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ จำนวน 19 คน ได้ทยอยเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สภ.เฉลิมพระเกียรติ หลังถูกเจ้าหน้าที่ประมงจังหวัดเข้าทำการจับกุม ฐานร่วมกันใช้อวนและแหลักลอบจับสัตว์น้ำในฤดูวางไข่ ภายในคลองลำปะเทีย ม.4 ต.อิสาณเขต อ.เฉลิมพระเกียรติ เมื่อวันที่ 14 ก.ค.ที่ผ่านมา ขณะชาวบ้านที่ถูกจับต่างยืนยันว่าบริเวณที่คลองลำปะเทียดังกล่าว ไม่มีป้ายบอกว่าเป็นเขตหวงห้ามหรือห้ามจับสัตว์น้ำในฤดูวางไข่ ชาวบ้านจึงไม่รู้ว่ามีการห้าม แต่หากมีกฎหมายห้ามจริงแต่ชาวบ้านไม่รู้
อีกทั้งช่วงที่เจ้าหน้าที่เข้าไปจับก็เพิ่งจะนำอุปกรณ์ลงไปในน้ำ ยังไม่ทันได้จับปลาเลยสักตัว เจ้าหน้าที่บอกให้รื้ออุปกรณ์ออกแล้วก็ถ่ายรูปขณะที่ชาวบ้านพากันเก็บอุปกรณ์ขึ้นจากน้ำ ซึ่งชาวบ้านคิดว่าไม่เป็นธรรม เพราะแค่มาหาปลาไปประกอบอาหารกินประทังชีวิตช่วงโควิดระบาด เพราะทุกคนได้รับผลกระทบไม่มีงานทำไม่มีรายได้เลี้ยงครอบครัวเลย น่าจะเห็นใจแค่ตักเตือนหรือทำบันทึกไว้เท่านั้น เพราะหากชาวบ้านรู้ว่ามีกฎหมายห้ามคงจะไม่พากันมาหา
นายเลี่ยม ไกรศร อายุ 59 ปี หนึ่งในชาวบ้านที่ถูกจับ บอกว่า ช่วงโรคโควิด-19 ระบาดชาวบ้านต่างหากินลำบาก ไม่ค่อยมีใครจ้างงาน จึงชวนกันออกมาหาปลาที่คลองลำปะเทีย เพื่อนำไปประกอบอาหารกินในครอบครัว ยืนยันว่าชาวบ้านไม่รู้ว่าบริเวณไหนหาได้หาไม่ได้ เพราะไม่มีป้ายเตือนหรือประกาศคำสั่งห้ามใดๆ จากทางราชการเลย จู่ๆ ก็เข้ามาจับกุม และเห็นว่าตามกฎหมายจะต้องเสียค่าปรับคนละ 5,000 – 10,000 บาท ไม่รู้ว่าเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าปรับ ลำพังจะกินอยู่แต่ละมื้อก็ลำบาก อยากขอความเห็นใจจากเจ้าหน้าที่ด้วย
ด้าน นายอัครชัย คงทิพย์ อายุ 42 ปี ชาวบ้านอีกคนที่ถูกจับ บอกตรงกันว่า ชาวบ้านไม่รู้ว่าบริเวณนี้ห้ามจับปลาในฤดูกาลไหน เพราะไม่เห็นมีป้ายบ่งบอกเลยและที่ผ่านมาตนเห็นปู่ ย่า ตา ยายพากันมาจับปลาในคลองน้ำแห่งนี้ เพราะวิถีชีวิตชาวบ้านในชนบทจะพากันหาจับปลากินกันแบบนี้มาแต่บรรพบุรุษแล้ว โดยเฉพาะช่วงโควิดที่ไม่มีงานทำจะไปรับจ้างทำงานต่างจังหวัดก็ไม่ได้
จึงต้องพากันหาจับกบ เขียด หรือจับปลาในแม่น้ำลำคลองต่างๆ เพื่อประกอบอาหารกิน อยากจะขอความเป็นธรรมและเห็นใจจากเจ้าหน้าที่ด้วยเพราะชาวบ้านก็ไม่รู้กฎหมายและในช่วงภาวะแบบนี้น่าจะแค่ตักเตือนก่อน เพราะถ้าจับดำเนินคดีไม่รู้จะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าปรับ ลำพังจะซื้อข้าวกินวันๆ ยังลำบาก
อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาชาวบ้านทั้ง 19 คน “ร่วมกันใช้อวนกางกั้นประกอบแห ทำการประมงในช่วงน้ำจืดมีไข่หรือวางไข่เลี้ยงตัวอ่อน และกำหนดเครื่องมือวิธีทำประมงฯ” ซึ่งทาง ผู้ใหญ่บ้านแต่ละหมู่บ้านได้ใช้ตำแหน่งมายื่นขอประกันตัวชาวบ้านที่ถูกจับ เพื่อจะได้ไม่ถูกควมคุมตัวที่โรงพัก