นพ.มนูญ หัวหน้าห้องไอซียูเฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ วอนรัฐบาลเจรจาต่อรองบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าให้ส่งมอบวัคซีน 61 ล้านโดสเร็วขึ้นภายใน 3 เดือน แทนกำหนดการเดิม 6 เดือน พร้อมขอเพิ่มจำนวนวัคซีนจาก 61 ล้านโดสให้มากขึ้นอีก
วันนี้ (2 ก.ค.) เพจ “หมอมนูญ ลีเชวงวงศ์ FC” หรือ นายแพทย์ มนูญ ลีเชวงวงศ์ เป็นหัวหน้าห้องไอซียู เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ ผู้ป่วยหนัก และโรคผู้สูงอายุ ประจำที่โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ได้โพสต์ข้อความถึงกรณีวัคซีนโควิด-19 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยระบุว่า “ประเทศไทยกำลังเผชิญกับวิกฤตจากการระบาดอย่างหนักของไวรัสโควิด-19 ยอดผู้ป่วยหนักพุ่ง เตียงไอซียูใกล้เต็ม
เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน นายเจมส์ ทีก ประธานบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า แอสตร้าเซนเนก้าจะดำเนินการส่งมอบวัคซีนโควิด-19 ตามคำสั่งซื้อรวม 61 ล้านโดส ให้แก่รัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่อง
พร้อมกันนี้ จะเริ่มส่งออกวัคซีนไปยังประเทศต่างๆ ในต้นเดือนกรกฎาคม โดย 1 ใน 3 ของวัคซีนจำนวน 180 ล้านโดสที่ผลิตโดยสยามไบโอไซเอนซ์ สำรองสำหรับประเทศไทย ส่วนกำลังการผลิตที่เหลืออีกประมาณ 2 ใน 3 จะจัดสรรเพื่อส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นายลีออน หวัง รองประธานบริหาร ฝ่ายการต่างประเทศของแอสตร้าเซนเนก้า กล่าวว่า บริษัทแอสตร้าเซนเนก้าจัดหาวัคซีนไวรัสโควิด-19 ให้แก่ประเทศต่างๆ ทั่วโลกโดยไม่หวังผลกำไร วัคซีนของแอสตร้าเซนเนก้ามีประสิทธิผลลดความรุนแรงของโรคโควิด-19 ในระดับที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลได้มากถึง 80 เปอร์เซ็นต์ หลังจากการฉีดเข็มแรก
ล่าสุด ราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทยออกประกาศแนะนำให้รัฐบาลใช้ความพยายามสูงสุด จัดหาวัคซีนโควิด-19 ให้มีใช้อย่างเพียงพอ เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่โดยเร็ว โดยมุ่งเน้นกลุ่มที่ยังไม่ได้รับวัคซีนเป็นอันดับแรก
ผมหวังว่า อันดับแรกรัฐบาลเจรจาต่อรองกับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าขอความเห็นใจให้ส่งมอบวัคซีน 61 ล้านโดส เร็วขึ้นภายใน 3 เดือน แทนที่จะทยอยส่งมอบตามกำหนดการเดิมใน 6 เดือน เพราะจะทำให้ประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมายยุทธศาสตร์ฉีดเข็มแรกได้อย่างน้อย 50 ล้านคนใน 120 วัน นอกจากนี้ ถ้าเป็นไปได้เจรจาขอเพิ่มจำนวนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าจาก 61 ล้านโดสให้มากขึ้นอีก เพื่อจะให้ทุกคนได้ฉีดเข็ม 2 ถ้ารัฐบาลต่อรองเจรจางานนี้สำเร็จ ประโยชน์จะตกแก่คนไทยทั้งประเทศ”