กาญจนบุรี - เปิดชีวิต “พนักงานพิทักษ์ป่า” อช.ไทรโยคผู้เสียสละ 5 วัน กับการลาดตระเวนป้องสัตว์ป่าและผืนป่าต้นน้ำ วอนทุกฝ่ายหันหน้ามาร่วมปกปักรักษา เพื่อลูกหลานต่อไป
การเดินลาดตระเวนเป็นหัวใจหลักในการที่จะปกป้องดูแลรักษาไว้ ซึ่งทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าให้รอดพ้นจากภัยคุกคามต่างๆ จากผู้ไม่หวังดี ปัจจุบันกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชได้ใช้ยุทธวิธีการเดินลาดตระเวนเชิงคุณภาพ หรือที่เรียกกันว่า SMART PATROL ซึ่งเป็นการเดินลาดตระเวนพร้อมกับการเก็บข้อมูลด้านต่างๆ ไปพร้อมกัน ทั้งข้อมูลด้านสัตว์ป่า พันธุ์ไม้ที่สำคัญ แหล่งน้ำแหล่งอาหารของสัตว์ป่า รวมถึงภัยคุกคามต่างๆ ที่พบ
ไม่ว่าจะเป็นที่เพิงพักนายพราน จุดวางบ่วงแร้วดักสัตว์ป่า ร่องรอยต่างๆ ของมนุษย์ที่เข้าไปกระทำความผิดในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ทั่วประเทศ เพื่อนำข้อมูลต่างๆ เหล่านี้กลับมาประเมินผล และเป็นหัวใจในการวางแผนป้องปรามจากผู้กระทำความผิดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยหัวใจหลักในการลาดตระเวนนี้คือเจ้าหน้าที่ “พนักงานพิทักษ์ป่า” ผู้ทำงานปิดทองหลังพระ ที่ทำให้ประเทศไทยเรามีป่าไม้ที่อุดมสมบูรณ์อยู่ในปัจจุบัน
อุทยานแห่งชาติไทรโยค อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี โดยการนำของนายสมเจตน์ จันทนา นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการพิเศษ หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค เปิดเผยว่า ตามข้อสั่งการของ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ให้ลาดตระเวนป้องกันการลักลอบตัดไม้และล่าสัตว์ป่าให้มากขึ้นเป็นสองเท่า ตามนโยบาย ทส. ยกกำลัง 2+4
นายนิพนธ์ จำนงสิริศักดิ์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ได้รับนโยบายและมอบหมายให้อุทยานทุกแห่งในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี ดำเนินการตรามนโยบายข้างต้นอย่างเคร่งครัด อุทยานแห่งชาติไทรโยคจึงได้สนธิกำลังระหว่างหน่วยในสังกัดอุทยานแห่งชาติไทรโยค เพื่อออกตรวจลาดตระเวนให้ครอบคลุมพื้นที่มากยิ่งขึ้น
ถึงแม้อุทยานแห่งชาติไทรโยค จะมีพื้นที่มากถึง 595,868 ไร่ ประกอบกับมีพื้นที่อยู่ติดกับชายแดนประเทศพม่า ระยะทางถึง 50 กิโลเมตรก็ตาม แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่องานป้องกันทรัพยากรในพื้นที่ ซึ่งข้อมูลเมื่อสิ้นเดือนมิถุนายน 2564 อุทยานแห่งชาติไทรโยค สามารถเดินครอบคลุมพื้นที่แล้ว 92.99% ของพื้นที่ทั้งหมด
อย่างไรก็ตาม แม้ช่วงนี้จะเข้าสู่ฤดูฝนแล้วก็ตาม และในพื้นที่จะมีลำห้วยลำธารลัดเลาะอยู่ภายในพื้นที่จำนวนมาก ทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า ยากลำบากมากยิ่งขึ้น อย่างการลาดตระเวนล่าสุดของหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติ ที่ ทย.5 (แม่น้ำน้อย) ระหว่างวันที่ 8-12 กรกฎาคมที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทั้งหมด 7 นาย ได้ออกลาดตระเวนจากหน่วยพิทักษ โดยใช้รถจักรยานยนต์สลับกับการเดินเท้าลาดตระเวนเพื่อปราบปรามการกระทำผิด บริเวณป่าปากห้วยผึ้ง ป่าห้วยพะบือแฮ
ขณะนั้นเป็นช่วงที่ฝนตกหนักทำให้ระดับน้ำในลำห้วยมีระดับที่สูงขึ้น บริเวณห้วย 3 ห้วยแม่น้ำลัดเลาะ เจ้าหน้าที่จึงตัดสินใจเดินข้ามเพื่อขนส่งสัมภาระประจำตัวไปอีกฝั่ง และช่วยกันใช้ไม้แบกรถจักรยานยนต์ข้ามลำห้วยที่มีกระแสค่อนข้างแรงตามมา
จึงอยากวอนให้ทุกคนเห็นใจและเห็นความสำคัญของพวกเขาเหล่านี้ที่เรียกตนเองว่า “พนักงานพิทักษ์ป่า” พนักงานพิทักษ์ ถึงแม้จะมีรายได้เพียงน้อยนิด แต่พวกเขาเหล่านี้ต่างปฏิบัติหน้าที่ด้วยความเสียสละอย่างแท้จริง และถึงแม้จะลำบากต้องนอนและกินกลางป่าท่ามกลางสายฝน หรือท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บ หรือร้อนจัดเพียงใด พวกเขาก็อดทน เพียงเพื่อต้องการปกปักรักษาสัตว์ป่าและผืนป่าเอาไว้ให้เป็นผืนป่าต้นน้ำ ทำให้เราชาวไทยทุกคนได้มีน้ำใช้อย่างยั่งยืนอยู่ในทุกวันนี้
ดังนั้น ขอฝากไปถึงประชาชนคนไทยทุกคน รวมทั้งกลุ่มนายพรานและผู้ที่หวังใช้ประโยชน์จากการตัดไม้ทำลายป่า ที่เป็นการทำลายผืนป่าต้นน้ำ ขอให้หยุดและหันมาร่วมกันปกปักรักษาผืนเอาไว้เพื่อให้ลูกหลานของเราและคนไทยทุกคนได้ใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำที่มีผืนป่าเป็นต้นน้ำให้คงอยู่อย่างยั่งยืนสืบไป