กาญจนบุรี - อช.ไทรโยค ร่วมกับ อ.ไทรโยค ผู้นำชุมชน และจิตอาสา จัดกิจกรรมโครงการ“ปลูกป่าและป้องกันไฟป่า” เพิ่มพื้นที่สีเขียวร้อยละ 20 ในแปลงถือครองของราษฎร บนเนื้อที่ 10 ไร่
วันนี้ (22 มิ.ย.) นายสาวิตร เจียมจิระพร นายอำเภอไทรโยค จ.กาญจนบุรี เป็นประธานจัดกิจกรรมโครงการจิตอาสาพระราชทาน ปลูกป่าและป้องกันไฟป่า ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค ท้องที่บ้านบ้องตี้น้อย หมู่ 8 ต.วังกระแจะ อ.ไทรโยค โดยมีนายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค นายมั่น จี้อุ่น นายกองค์การบริหารส่วนตำบลวังกระแจะ ร.ต.อ.กมลชัย ผงทอง รอง ผบ.ร้อย ตชด.ที่ 136 นายประเสริฐ วรประเสริฐ สารวัตรกำนันตำบลวังกระแจะ นายประเสริฐ นุตโร ผู้ใหญ่บ้านบ้องตี้น้อย พร้อมจิตอาสา "เราทำความ ดี ด้วยหัวใจ" เข้าร่วม สำหรับกล้าไม้ที่นำมาปลูกบนเนื้อที่ 10 ไร่ ในครั้งนี้ประกบด้วย ประดู่ แดง มะค่าโมง ตะเคียนทอง และอื่นๆ ประมาณ 2,000 กล้า
โดยนายสมเจตน์ จันทนา หัวหน้าอุทยานแห่งชาติไทรโยค เปิดเผยภายหลังว่า โครงการปลูกป่าและป้องกันไฟป่า เกิดขึ้นมาจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่ทรงชี้แนะแนวทางการแก้ไขปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรป่าไม้และปัญหาภัยแล้ง ปัญหาไฟป่าและหมอกควัน ว่าจะต้องมีการฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำลำธารให้มีความอุดมสมบูรณ์ ซึ่งจะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาต่างๆ จนสามารถพัฒนาได้อย่างยั่งยืน
ในนามของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำโดย นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จึงมีเป้าหมายที่จะฟื้นฟูพื้นที่ป่าต้นน้ำที่เสื่อมโทรมทั่วประเทศในพื้นที่ความรับผิดชอบของกรมอุทยานแห่งชาติฯ เนื้อที่ 4.7 ล้านไร่ ภายในปี 2570 และเพื่อให้เป็นไปตามเป้าหมายของยุทธศาสตร์ชาติที่กำหนดให้ประเทศไทยมีพื้นที่สีเขียวร้อยละ 55 ของพื้นที่ประเทศ
การจัดโครงการปลูกป่า และป้องกันไฟป่า ในวันนี้ จัดทำขึ้นด้วยความร่วมแรงร่วมใจกันในรูปแบบจิตอาสา ในพื้นที่ที่เสื่อมโทรมและในพื้นที่สำรวจถือครองที่ดินของราษฎรในพื้นที่อุทยานแห่งชาติไทรโยค โดยมีกลุ่มเป้าหมายเป็นราษฎรบ้านบ้องตี้น้อย หมู่ที่ 8 ตำบลวังกระแจะ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรี จำนวน 37 ราย รวมเนื้อที่ 115 ไร่
ซึ่งราษฎรกลุ่มนี้สามารถทำกินอยู่ได้ในเขตอุทยานฯ ตามมาตรา 64 ของพระราชบัญญัติอุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 ซึ่งราษฎรทุกรายที่ได้รับการผ่อนผันจะต้องปลูกต้นไม้ในรูปแบบแปลงวนเกษตร ด้วยการปลูกป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง ในพื้นที่ร้อยละ 20 เพื่อเป็นการปลูกฝังให้ทุกคนเห็นความสำคัญของต้นไม้และป่าไม้ และร่วมมือกันดูแลรักษาต้นไม้ที่ปลูกด้วยตนเอง โดยในอนาคตจะได้ใช้ประโยชน์จากต้นไม้ที่ปลูกได้ต่อไป