สุรินทร์ - “ศักดิ์สยาม” รมว.คมนาคม นำคณะลงพื้นที่เมืองช้างตรวจติดตามโครงการก่อสร้างขยายถนนทางหลวง 2 เส้นทางสำคัญ สุรินทร์-ลำดวน และสุรินทร์-ศีขรภูมิ-สำโรงทาบ รวมงบกว่า 1,500 ล้าน ย้ำประสิทธิภาพได้มาตรฐานคุ้มค่าเงินภาษีประชาชน ขณะ “ครูมานิตย์” ส.ส.เพื่อไทย มีข่าวจ่อย้ายพรรคโผล่ร่วมประชุมด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม และผู้บริหารหน่วยงานสังกัดคมนาคม ลงพื้นที่ตรวจสอบและติดตามการก่อสร้างถนนหลวงหมายเลข 2077 ระหว่าง 18+800 ถึง 18+940 สุรินทร์-ลำดวน ระยะทาง 15.50 กิโลเมตร บริเวณตำบลสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ งบประมาณก่อสร้างกว่า 500 ล้านบาท เมื่อวันที่ 18 มิ.ย. ซึ่งการก่อสร้างดังกล่าวเป็นการก่อสร้างเฟสแรก ระยะทาง 2 กิโลเมตร ในงบประมาณ 44 ล้านบาท โดยมี นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) เจ้าหน้าที่แขวงทางหลวงสุรินทร์ และแขวงทางหลวงชนบท หน่วยงานที่เกี่ยวข้องและนักการเมืองท้องถิ่นให้การต้อนรับ พร้อมนำเสนอการบริหารจัดการงบประมาณและการก่อสร้างถนนสายดังกล่าว
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวเป็นการจัดสรรงบประมาณเพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้ประชาชนในการใช้รถใช้ถนนในเส้นทางดังกล่าว โดยมีการขอสนับสนุนเพื่อให้มีการก่อสร้างขนาดถนนเป็น 4 ช่องทางจราจร ตั้งแต่เมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ผ่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ซึ่งได้มีการจัดสรรบงลงมาในการก่อสร้าง นอกจากนี้ ยังมีโครงการในการก่อสร้างและขยายถนนระหว่างช่วงถนนหลวงหมายเลข 226 สุรินทร์-ศีขรภูมิ-สำโรงทาบ ระยะทางกว่า 30 กิโลเมตร งบประมาณกว่า 900 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งมีคู่สัญญาแล้ว
จากนั้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะได้เดินทางรับฟังการบรรยายสรุปการดำเนินโครงการสำคัญเร่งด่วนของกรมทางหลวง กรมทางหลวงชนบท กรมการขนส่งทางบก และกรมเจ้าท่า ที่ห้องประชุมวีรพลปัทมานนท์ แขวงทางหลวงสุรินทร์ โดยมี นายปกรณ์ มุ่งเจริญพร ส.ส.สุรินทร์ พรรคภูมิใจไทย และนายครูมานิตย์ สังข์พุ่ม ส.ส.สุรินทร์ พรรคเพื่อไทย (พท.) ร่วมประชุมด้วย
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า มาติดตามการบริหารงบประมาณ ซึ่งในภาพรวมหน่วยงานต่างๆ ที่รับผิดชอบได้บริหารจัดการได้เป็นอย่างดี ตรงเป้าหมายที่รับโจทย์มาจากกระทรวง และรัฐบาล นอกจากนี้ ยังได้มีการพูดคุยถึงประเด็นทำอย่างไรในเรื่องของการก่อสร้างที่ได้รับงบประมาณมาเน้นในเรื่องของการตรวจคุณภาพ เพราะการที่ใช้งบประมาณทุกบาททุกสตางค์เป็นภาษีของประชาชน ดังนั้นจะต้องใช้อย่างคุ้มค่า
จากการลงพื้นที่ตรวจสอบถนนที่กำลังก่อสร้างในส่วนของจังหวัดสุรินทร์ ช่วงพื้นที่ตำบลสำโรง อำเภอเมือง จังหวัดสุรินทร์ ไปยังอำเภอลำดวน จังหวัดสุรินทร์ ระยะทางราว 18 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ 500 กว่าล้านบาท ในเบื้องต้นมีการดำเนินการไปตามเป้าหมาย ในโครงการเฟสแรกเริ่มก่อสร้าง 2 กิโลเมตร ใช้งบประมาณ จำนวน 44 ล้านบาท ดำเนินการไปแล้วประมาณ 60% โดยจะแล้วเสร็จในเดือน ก.ค.นี้ ซึ่งตนได้พบกับประชาชน ทุกคนดีใจที่ขยายถนนเส้นนี้ เพราะต้องรอมานานมาก เป็นเรื่องที่นายกรัฐมนตรี รัฐบาล และกระทรวงคมนาคม พยายามตอบโจทย์ให้พี่น้องประชาชนทุกจังหวัด ไม่ใช่เฉพาะ จ.สุรินทร์
นอกจากนี้ ยังได้ติดตามการแก้ไขปัญหาถนนที่เป็นพื้นที่ของกรมชลประทาน ซึ่งได้มอบหมายให้กรมทางหลวงชนบทเข้ามาช่วยดูแลในเรื่องผิวจราจรเนื่องจากปัญหาน้ำท่วม และปัญหาเมื่อขับขี่ถนนลื่นและล้มตกลงไปในคลองส่งน้ำ ซึ่งได้รับรายงานจากกรมทางหลวงชนบทว่า พื้นที่ทั้งหมด 3.7 กิโลเมตรแรก มีการดำเนินการแก้ไขปัญหาเรียบร้อยแล้ว ส่วนพื้นที่ที่เหลือทางทิศใต้ประมาณ 26 กิโลเมตร กรมทางหลวงชนบท ได้มีการนำไปทำแผนแล้ว รวมไปถึงทางทิศเหนืออีก 6 กิโลเมตรด้วย
ขณะเดียวกัน ทางด้านผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ได้มีการร้องขอในเรื่องของการสร้างความปลอดภัยบนท้องถนน ซึ่งเป็นเป้าหมายที่ทางกระทรวงคมนาคมให้ความสำคัญอยู่แล้ว ซึ่งการก่อสร้างถนนเราต้องการให้เกิดความสะดวก ความปลอดภัยในการเดินทาง ได้สั่งการให้ทางอธิบดีกรมทางหลวงชนบทดำเนินการแล้ว โดยเฉพาะจัดวางแบริเออร์ เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ รวมไปถึงการระบายน้ำบนผิวถนน ที่ผ่านมา สามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมายที่วางไว้
พร้อมทั้งสั่งการให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จของกรมและของกระทรวง ข้างล่างทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ข้างบนก็สามารถกำหนดเป้าหมายในการทำงานได้ ดังนั้น กระทรวงคมนาคมสามารถที่จะทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพตามเป้าหมายได้เร็วกว่าที่สำนักงบประมาณได้กำหนดในการเบิกจ่ายงบประมาณ ถือว่าจังหวัดสุรินทร์สามารถทำงานได้ดี ข้อสำคัญอยากให้บูรณาการร่วมกับหน่วยงานอื่นรับฟังความคิดเห็นจากราษฎร ตัวแทนราษฎร เพื่อนำปัญหาเร่งด่วนมาดำเนินการแก้ไขต่อไป
ส่วนในปัญหาทางน้ำเรื่องของตลิ่งน้ำพัง ซึ่งเกิดขึ้นในพื้นที่อำเภอท่าตูม ที่มีแม่น้ำมูลไหลผ่าน รวมไปถึงลำน้ำชี ซึ่งได้มอบหมายให้ทางด้านกรมเจ้าท่าเข้าไปสำรวจและจัดการดูแลแล้ว เป็นภารกิจของกรมเจ้าท่า โดยงบประมาณได้แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ในส่วนของงบประมาณปี 2565 ซึ่งกำลังมีการประชุมพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎร หากไม่ทันจะต้องไปใช้ในงบประมาณปี 2566