สุรินทร์ - ผอ.รพ.สุรินทร์ชี้แจงยิบกรณีทีวีบางช่องและสื่อโซเชียลฯ เสนอข่าวดรามา รพ.สุรินทร์ทิ้งผู้ป่วยฉุกเฉินไม่ดูแล ปล่อยรอนานจนนอนฟุบต้องเข้า ICU เผยกล้องวงจรปิดยืนยันแพทย์พยาบาลดูแลเป็นอย่างดี ขณะคนไข้ดิ้นโวยวายอาละวาดหมอและหลังตรวจเสร็จได้ลุกเดินจากห้องรักษาออกจากรพ.ไปเองอย่างสบาย แต่กลับมาให้ข่าวและลงโซเชียลฯ ทำ รพ.เสียหาย พบคนไข้ไปงานเลี้ยงดื่มสุรามาและญาติโวยวายด้วย
วันนี้ (16 มิ.ย.) จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวทางสื่อโซเชียลและทางสถานีโทรทัศน์บางช่อง ระบุว่าโรงพยาบาลสุรินทร์ปฏิเสธการรักษาผู้ป่วยจนต้องเข้า ICU ปล่อยผู้ป่วยฉุกเฉินรอนานถึง 30 นาที และไม่มีการดูแลรักษาจาก จนท. รวมถึงปล่อยให้ผู้ป่วยฟุบลงไปหน้าห้องฉุกเฉิน นั้น
ล่าสุดทางคณะผู้บริหารโรงพยาบาลสุรินทร์ นำโดย นพ.ประวีณ ตัณฑประภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ ได้เรียกประชุมด่วนเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยได้ตรวจสอบข้อมูลจากผู้ปฏิบัติงานและกล้องโทรทัศน์วงจรปิดทั้ง 14 จุด บริเวณอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน
นพ.ประวีณ ตัณฑประภา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุรินทร์ กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีการระบุว่าเป็นโรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่งในจังหวัดสุรินทร์ จากการตรวจสอบภาพที่สื่อทีวีบางช่องนำเสนอข่าว พบว่าเป็นโรงพยาบาลสุรินทร์ เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 13 มิ.ย. 2564 เวลาประมาณ 00.02 น. พี่ชายผู้ป่วยขับรถพาผู้ป่วยมาโรงพยาบาล รวม 3 คน คนขับรถอุ้มผู้ป่วยลงจากรถกระบะมาลงเปล ซึ่งพนักงานเปลได้เตรียมรอรับและเข็นเปลเข้าไปยังห้องฉุกเฉินทันทีภายในเวลา 2 นาที โดยมีพี่ชายผู้ป่วยเข้าไปด้วย และได้ใช้เสียงดังว่าให้มาดูแลน้องชายตน มีพยาบาลเข้ามาสอบถามอาการ และได้แนะนำให้พี่ชาย ออกไปทำบัตรให้ผู้ป่วย พร้อมกับเตรียมวัดความดันและออกซิเจนในเลือดให้ผู้ป่วย แต่พี่ชายไม่ยินยอมและยังโวยวายเสียงดัง จึงต้องให้พนักงานรักษาความปลอดภัย (รปภ.) เข้ามา และเชิญให้ออกไปรอข้างนอกและทำบัตรให้ผู้ป่วย
ทางแพทย์ประจำห้องฉุกเฉินได้เข้ามาดูแล พร้อมกับทีมพยาบาล ผู้ป่วยมีอาการโวยวายไม่ทำตามสั่งและได้เอามือมาดึงหน้ากากอนามัยของแพทย์ออก เมื่อแพทย์ใส่หน้ากากอนามัยเสร็จก็ทำการตรวจปอดและหัวใจต่อ ขณะที่ผู้ป่วยไม่ได้สวมใส่หน้ากากและมีอาการดิ้นไปมาตลอด จนต้องใช้เจ้าหน้าที่พยาบาลเพิ่มเติม
กระทั่งแพทย์ถามว่าไม่ต้องการให้แพทย์รักษาเหรอ ซึ่งในช่วงนี้เป็นช่วงการระบาดของเชื้อโควิด-19 แพทย์ และพยาบาล ต้องมีการระวังเพราะมีความเสี่ยงอย่างมากในการดูแลผู้ป่วย อย่างเมื่อผู้ป่วยมา ไม่สวมมาสก์ก็ยิ่งเพิ่มความหนักใจให้แพทย์ และพยาบาล เมื่อตรวจเบื้องต้นแล้วผู้ป่วยปอดปกติดี ไม่มีภาวะรุนแรง สัญญาณชีพปกติ แพทย์ให้ผู้ป่วยนอนสังเกตอาการ
พยาบาลจึงได้เข็นเปลไปยังจุดสังเกตอาการ ระหว่างที่เข็นเปลผู้ป่วยได้ลุกออกจากเตียง ปฏิเสธการรักษาและเดินหนีออกไปเองยังทางออก กดสวิตช์ประตูดับเบิลดอร์ ประตูสองชั้น ด้วยตัวเอง เดินออกจากห้องไปแบบสบายๆ โดยลืมกระเป๋าไว้ เจ้าหน้าที่พยาบาลจึงหยิบกระเป๋าเพื่อเดินตามไป และเดินออกมายังหน้าอาคารอุบัติเหตุและฉุกเฉิน โดยไม่ได้มีอาการฟุบหรือหมดสติแต่อย่างใด และเข้าไปหาพี่ชาย โดยเจ้าหน้าที่ยังได้เดินตามเอากระเป๋าที่ลืมไว้มาให้ คนไข้ยังเดินพูดคุยกับญาติอย่างปกติ โดยญาติที่มารับยังสวมกอดกับคนไข้ ก่อนที่คนไข้จะเดินไปขึ้นรถ
ต่อมาทางโรงพยาบาลสุรินทร์ทราบว่าผู้ป่วยกับญาติได้เดินทางไปทำการรักษาตัวที่โรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ทำการแอดมิตเข้ารับการรักษา ทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสุรินทร์ได้สอบถามไปยังโรงพยาบาลเอกชนดังกล่าวทราบว่าคนไข้รายนี้ไปงานเลี้ยงและดื่มสุรามา สติมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา ส่วนโรคอื่นมีอาการไม่รุนแรงและคนไข้ได้เดินทางกลับบ้านแล้ว
“ภาพและเนื้อข่าวที่นำเสนอออกไปสร้างความเสื่อมเสียให้กับโรงพยาบาลสุรินทร์ ซึ่งทางโรงพยาบาลสุรินทร์ได้ทำการดูแลรักษาผู้ป่วยฉุกเฉิน ผู้ป่วยใน ผู้ป่วยนอก ได้ตามมาตรฐานของการแพทย์ เรายืนยันในการดูแลรักษาผู้ป่วยดุจญาติมิตร ทุกชีวิตมีค่าเท่ากันหมด” นพ.ประวีณ ตัณฑประภา ผอ.รพ.สุรินทร์ กล่าวในตอนท้าย
