เชียงใหม่ - เชียงใหม่แจงไทม์ไลน์ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ล่าสุด 4 ราย พร้อมย้ำห้ามการ์ดตกแม้ผ่อนคลายมาตรการหลายอย่าง เผยฉีดวัคซีนโควิด-19 รอบเดือน มิ.ย. 64 แล้วกว่า 4.3 หมื่นราย วอนชาวเชียงใหม่พร้อมใจฉีดให้ได้อย่างน้อย 70% เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่
วันนี้ (13 มิ.ย. 64) ที่ศูนย์บัญชาการสถานการณ์การระบาดโรค Covid-19 จังหวัดเชียงใหม่ ดร.ทรงยศ คำชัย หัวหน้ากลุ่มงานควบคุมโรคติดต่อ สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ แถลงสถานการณ์การระบาดของโรค Covid-19 ระลอกเดือนเมษายนประจำวันว่า วันนี้จังหวัดเชียงใหม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ 4 ราย ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมเป็น 4,119 ราย รักษาหายแล้ว 4,051 ราย คิดเป็นร้อยละ 98 ของผู้ติดเชื้อทั้งหมด ยังคงมีผู้รักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทุกประเภท จำนวน 42 ราย แยกเป็นโรงพยาบาลรัฐ 39 ราย โรงพยาบาลเอกชน 3 ราย โดยในวันนี้ไม่มีผู้เสียชีวิตเพิ่ม ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตสะสมของจังหวัดเชียงใหม่ยังอยู่ที่ 26 ราย ขณะที่กลุ่มผู้ติดเชื้อที่ยังรักษาตัวอยู่นั้น แยกเป็นกลุ่มผู้ป่วยที่ไม่มีอาการหรืออาการเล็กน้อย (สีเขียว) 24 ราย อาการปานกลาง (สีเหลือง) 13 ราย อาการค่อนข้างหนัก (สีส้ม) 4 ราย และผู้ป่วยอาการหนัก (สีแดง) 1 ราย
โดยการตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงและผู้สัมผัส เมื่อวานนี้ได้ตรวจทั้งหมด 567 ราย พบผู้มีผลบวก 4 ราย คิดเป็นร้อยละ 0.7 ส่วนการตรวจคัดกรองเชิงรุกในพื้นที่เสี่ยงเมื่อวานนี้ทีม ศปก.อำเภอไชยปราการ ได้ออกตรวจเชิงรุกในกลุ่มเสี่ยงสูงและผู้สัมผัสตำบลหนองบัว ตรวจ 48 คน ทั้งหมดไม่พบผู้ติดเชื้อ ด้านการเฝ้าระวังคลัสเตอร์ต่างๆ วันนี้ไม่พบคลัสเตอร์ใหม่ หรือคลัสเตอร์ที่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่ โดยมีคลัสเตอร์ที่ปลอดภัยเพิ่มขึ้นอีก 1 คลัสเตอร์ คือ คลัสเตอร์บริษัทขนส่งสินค้าขนาดใหญ่ในอำเภอเมืองเชียงใหม่ และยังคงเหลือคลัสเตอร์ที่ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่องเพียง 4 คลัสเตอร์ แต่ทั้ง 4 คลัสเตอร์ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มาเป็นเวลา 5-6 วันแล้ว
สำหรับไทม์ไลน์ของผู้ติดเชื้อรายใหม่ ตั้งแต่เมื่อวานนี้ รหัส CM 4198 เป็นหญิงไทย อายุ 72 ปี ภูมิลำเนาอำเภอไชยปราการ ประวัติการติดเชื้อยังอยู่ระหว่างการสอบสวน โดยผู้ติดเชื้อให้การยืนยันว่าอยู่ที่บ้านตลอดไม่ได้ออกไปพื้นที่เสี่ยง ไปตลาดเป็นบางครั้ง วันที่ 1 มิถุนายน เริ่มมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ วันที่ 3-7 มิ.ย. 64 ไปรักษาพยาบาลที่คลินิกเอกชน 2 แห่ง คือโรงพยาบาลฝาง โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล และจ้างหมอนวดมานวดที่บ้าน
จนวันที่ 10 มิ.ย. 64 อาการไม่ดีขึ้น ญาติพาไปตรวจที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ ตรวจหาเชื้อโควิด-19 พบผลการตรวจไม่แน่ชัด และผู้ป่วยกลับบ้าน จึงประสานให้ตามตัวมาตรวจที่โรงพยาบาลไชยปราการอีกครั้ง ผลตรวจครั้งที่ 2 พบเชื้อเมื่อวานนี้ (12 มิ.ย. 64) ตรวจพบผู้สัมผัส 41 ราย เสี่ยงสูง 9 ราย สัมผัสร่วมบ้าน 2 ราย ผลบวก 1 ราย ผลลบ 1 ราย ส่วนสัมผัสในชุมชน 7 ราย อยู่ระหว่างรอตรวจ ส่วนผู้สัมผัสเสี่ยงต่ำ 32 รายให้เฝ้าสังเกตอาการ สำหรับผู้สัมผัสร่วมบ้าน 1 รายที่พบผลบวกวันนี้ รหัส CM 4202 เป็นบุตรสาว อายุ 50 ปี อยู่ระหว่างการสอบสวนโรค
ขณะที่ผู้ติดเชื้ออีก 2 ราย รหัส CM 4200 และ 4201 เป็นผู้ป่วยชาย อายุ 20 ปี และ 22 ปี ทำงานรับจ้างแคมป์ก่อสร้างที่กรุงเทพมหานคร เดินทางกลับบ้านเนื่องจากบริษัทเลิกจ้างกับเพื่อนรวม 4 คน เป็นผู้ติดเชื้อรหัส CM 4196 และผู้ติดเชื้อจังหวัดเชียงราย เมื่อเดินทางมาถึงไชยปราการ ครอบครัวได้นำรถมอเตอร์ไซค์มาไว้ให้ขี่กลับบ้าน และไปรายงานตัวที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล แล้วเข้ากักตัว ทำให้มีผู้สัมผัสจำนวนน้อย และไทม์ไลน์จะคล้ายกับ CM 4196
ส่วนผู้ติดเชื้อรายที่ 4 ของวันนี้ รหัส CM 4199 เป็นชายไทย อายุ 25 ปี ภูมิลำเนาอำเภอสันทราย เริ่มมีอาการไข้ หายใจลำบาก ปวดศีรษะ ตั้งแต่วันที่ 12 มิถุนายน ให้ข้อมูลเบื้องต้นว่าทำอาชีพรับเหมาก่อสร้าง ติดต่อพบปะผู้คนจำนวนมาก ไม่ได้เดินทางไปพื้นที่เสี่ยง 14 วันย้อนหลัง และสัมผัสกับคนงานที่ติดเชื้อรายก่อนหน้านี้ รายละเอียดอยู่ระหว่างการสอบสวน จึงขอฝากย้ำเตือนประชาชน “การ์ดอย่าเพิ่งตก” แม้ว่าคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดเชียงใหม่ได้ผ่อนคลายกิจกรรมหลายอย่างแล้ว แต่ทุกคนยังคงรักษามาตรการป้องกันโรคส่วนบุคคลอย่างเคร่งครัด
พร้อมกันนี้ ขอให้ร่วมใจกันฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้มากกว่าร้อยละ 70 ของประชากร หรือกว่า 1,040,000 คน เพื่อเป็นกำแพงสกัดกั้นโรคให้คนเชียงใหม่ ทั้งนี้ ยังคงต้องเคร่งครัดผู้ที่เดินทางเข้ามาในจังหวัด และสแกน CM-CHANA พร้อมเข้ารายงานตัวต่อเจ้าพนักงาน เพื่อป้องกันการระบาดขยายออกไปเป็นคลัสเตอร์ใหญ่ๆ ขณะที่ยอดการจองคิวฉีดวัคซีนของคนเชียงใหม่มีจำนวน 196,836 ราย และตั้งแต่วันที่ 7-12 มิ.ย. 64 ได้ฉีดวัคซีนไปแล้วจำนวน 43,824 ราย ถ้ารวมตั้งแต่เดือนเมษายนเป็นต้นมา ประชาชนเชียงใหม่ฉีดวัคซีนรวมแล้ว 120,636 ราย และขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนจองฉีดวัคซีนผ่านเว็บไซต์ "ก๋ำแปงเวียง" เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น
