ตราด - แซ่บ! ชาวตราดวิจารณ์เดือดแนวคิด ผวจ.ให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบเรียนออนไลน์ ถามวิธีสร้างวินัยคิดได้แค่นี้จริงหรือ ชี้ช่องฝ่ายการศึกษาจัดสถานที่เรียนออนไลน์ให้เด็กไม่มีอินเทอร์เน็ตดีกว่าผุดแนวคิดให้คนด่าทั่วเมือง ด้าน ผวจ.ยันไม่ได้บังคับแค่เห็นตัวอย่างที่ดีใน กทม.
จากกรณีที่เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักเกี่ยวกับแนวคิดของ นายภิญโญ ประกอบผล ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ที่ได้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตราด เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา เกี่ยวกับแนวคิดให้นักเรียนในพื้นที่แต่งเครื่องแบบขณะนั่งเรียนออนไลน์ที่บ้าน ซึ่งกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นมีทั้งกลุ่มที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยนั้น
วันนี้ (2 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายภิญโญ ประกอบผล ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด เกี่ยวกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่เกิดขึ้นว่า เป็นเพียงแนวคิดที่ตนเองได้นำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ตราด หลังได้เห็นตัวอย่างที่ดีและประสบความสำเร็จจากโรงเรียนในกรุงเทพฯ
“เพราะเท่าที่เห็นเด็กที่เรียนออนไลน์ส่วนใหญ่มีทั้งแบบนั่งเรียน นอนเรียนหรือบางคนตื่นนอนมาก็ไม่อาบน้ำ ไม่ล้างหน้าแต่มานั่งหน้าจอเลย ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วการเรียนระบบออนไลน์นักเรียนต้องมีสมาธิ ซึ่งการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ในระลอก 3 การเรียนออนไลน์ที่กรุงเทพฯ นอกจากจะมีสวดมนต์และเช็กชื่อแล้ว ยังให้นักเรียนแต่งเครื่องแบบนั่งเรียนด้วย”
นายญิญโญ ยังบอกอีกว่า การใส่เครื่องแบบนักเรียนในส่วนตัวแล้วมองว่าไม่ใช่เรื่องสิ้นเปลืองเพราะนักเรียนทุกคนมีเครื่องแบบอยู่แล้ว อีกทั้งหากไม่ใส่ชุดนักเรียนนั่งเรียนที่บ้านก็ต้องใส่ชุดอื่นๆ ที่ต้องถอดออกซักเช่นเดียวกันอยู่ดี ดังนั้นข้อวิจารณ์ที่ว่าแนวคิดดังกล่าวทำให้เกิดการสิ้นเปลืองจึงไม่น่าจะใช่เหตุผลที่นำมาหักล้างกันได้
และยังยืนยันว่าในการประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.ตราด เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมาตนเองได้เสนอแนวคิดให้ศึกษาธิการจังหวัด ผู้อำนวยการเขตประถมศึกษาและผู้อำนวยการเขตมัธยมศึกษา ได้นำกลับไปหารือกันว่าเป็นเรื่องที่ดีหรือไม่ และหากเป็นเรื่องดีก็ให้นำไปดำเนินการ โดยมิได้มีการออกคำสั่งให้กระทำทั้งหมดแต่อย่างใด
“ในเรื่องนี้หากเห็นว่าดีก็ทำไปเพราะตัวผมเองมีตัวอย่างจากคนใกล้ชิดที่ปฏิบัติในลักษณะนี้แล้วประสบผลสำเร็จ แต่อย่างไรก็ตาม แต่ละโรงเรียนอาจจะมีแนวทางดูแลนักเรียนที่ไม่เหมือนกัน และเมื่อมีการนำเสนอผ่านสื่อต่างๆ ย่อมมีทั้งคนที่เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย โดยเชื่อว่าหากทำได้จะน่าเป็นเรื่องดีกับตัวนักเรียนอย่างแน่นอน” ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด กล่าว
กระแสวิพากษ์วิจารณ์ยังไม่แผ่วทั้งฝ่ายสนับสนุน-คัดค้านสุดแรง
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในวันนี้กระแสวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวในพื้นที่ จ.ตราด ยังมีอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยผู้ที่สนับสนุนแนวคิดดังกล่าวยังเชื่อว่าจะสามารถสร้างวินัยแก่บุตรหลานของตนเองได้
ยกตัวอย่างเช่น ข้าราชการรายหนึ่งให้ใน อ.เเหลมงอบ บอกว่าลูกสาวของตนเองนั่งเรียนออนไลน์ทั้งที่ยังสวมชุดนอนเพราะตื่นสาย และในบางวันยังนั่งกินข้าวไปด้วยเรียนหนังสือไปด้วย จนไม่แน่ใจว่าลูกสาวเรียนรู้เรื่องหรือไม่
จนทำให้เกิดความกังวลว่า เด็กไทยในยุคการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมื่อโตขึ้นมาจะมีความรู้ติดตัวหรือไม่ ที่สำคัญเมื่อโตขึ้นมาจะมีระเบียบวินัยเช่นกับคนในยุคก่อนหรือไม่ ดังนั้น การสวมชุดนักเรียนขณะเรียนออนไลน์จึงเชื่อว่าน่าจะเป็นเรื่องดี
ฝ่ายค้านถามคิดได้แค่นี้จริงหรือ?
ต่างจากชาวตราดอีกหลายรายที่ได้ออกมาแสดงความเห็นคัดค้านแนวคิดของผู้ว่าราชการจังหวัด พร้อมยืนยันว่า ศบค.ตราด ควรทำหน้าที่เปิดเผยข้อมูลและไทม์ไลน์ของผู้ป่วยโควิด-19 ให้ประชาชนได้รับทราบอย่างชัดเจนโดยไม่มีการปิดบังข้อมูล เพื่อที่ประชาชนจะได้ระมัดระวังตัวเอง
โดยเฉพาะไม่ควรเสนอแนวคิดเรื่องการแต่งกายของนักเรียนที่จะเพิ่มความยุ่งยากให้ผู้ปกครอง
“ผมว่า ศบค.ตราด ควรทำหน้าที่ที่เหมาะสมและสง่างามมากกว่าการโชว์แนวคิดที่ทำให้ผู้คนออกมาด่าทั้งบ้านทั้งเมืองเช่นนี้ และสิ่งที่ประชาชนอยากเสนอต่อ ศบค.ตราด คือให้ช่วยประสานไปยังโรงเรียนที่อยู่ในสังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเพื่ออำนวยความสะดวกเรื่องการจัดสถานที่เรียนออนไลน์ให้นักเรียนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ตที่บ้านจะดีกว่า”
เช่นเดียวกับผู้ปกครองอีกรายที่ฝากถามไปยัง ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด และ ศบค.ในพื้นที่ว่า หากนักเรียนไม่สวมชุดนักเรียนนั่งเรียนออนไลน์แล้วจะกลายเป็นเด็กที่โตขึ้นมาแล้วไม่มีวินัยจริงหรือไม่
อีกทั้งยังได้ฝากผู้บริหารด้านการศึกษาของจังหวัดให้หาแนวทางในการปลูกฝังด้านการศึกษาและการสร้างระเบียบวินัยด้วยวิธีอื่นมากกว่าการใส่ชุดนักเรียนนั่งเรียนออนไลน์
ส่วนชาวตราดอีกรายได้สะท้อนแนวคิดถึงฝ่ายบริการการศึกษาของจังหวัดอย่างเผ็ดร้อนว่า ฝ่ายการศึกษาควรหาวิธีคิดที่ช่วยส่งเสริมเรื่องการปลูกฝังระเบียบวินัยให้เยาวชนในพื้นที่ให้ดีกว่าที่เป็นอยู่ พร้อมฝากถามผ่านสื่อมวลชนว่าหรือผู้ที่อยู่ในสายงานการศึกษาคิดได้แค่เรื่องการแต่งชุดนักเรียนเพียงวิธีเดียวหรือ
