ตราด - เสียงแตก! ผู้ปกครองนักเรียนเมืองตราด มีทั้งเห็นด้วยและคัดค้านแนวคิด ผวจ.ให้เด็กแต่งชุดนักเรียนนั่งเรียนออนไลน์ ฝ่ายหนุนบอกดีช่วยครูเห็นชื่อนักเรียนได้ชัด ขณะฝ่ายคัดค้านบอกสร้างความยุ่งยาก แนะ ผวจ.ช่วยหาวิธีลดรายจ่ายค่าอินเทอร์เน็ตดีกว่า
จากกรณีที่ประชุมคณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัดตราด ซึ่งมี นายภิญโญ ประกอบผล ผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน ได้มีการพิจารณาเรื่องวันเปิดการเรียนการสอนของโรงเรียนในพื้นที่โดยมีมติเห็นชอบให้ทุกโรงเรียนทั้งในระดับประถม และมัธยมได้เรียนผ่านระบบออนไลน์ตั้งแต่วันที่ 1-13 มิ.ย.นี้ โดยใช้รูปแบบการเรียนในระบบ On Hand คือให้นักเรียนรับงานไปเรียนรู้ที่บ้านรวมทั้งการใช้ระบบ On Demand หรือการเรียนผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ
ขณะที่ นายภิญโญ ประกอบผล ผู้ว่าราชการจังหวัดตราด ได้เสนอในที่ประชุมให้สถานศึกษาพิจารณาถึงความเป็นไปได้เรื่องการให้เด็กแต่งชุดนักเรียนขณะเรียนผ่านระบบออนไลน์ที่บ้านเพื่อสร้างความเป็นระเบียบวินัย
กระทั่ง นางช่อระบา ชื่นบาน ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษาตราด ได้ออกหนังสือไปยังโรงเรียนในสังกัดเกี่ยวกับแนวทางจัดการเรียนการสอนทางไกลพร้อมสรุปเนื้อหาในที่ประชุม คกก.โรคติดต่อจังหวัดตราด เมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยเฉพาะข้อเสนอแนะของ ศบค.ตราด เกี่ยวกับการจัดการเรียนการสอนระหว่างวันที่ 1-13 มิ.ย.2564 ที่จะกำหนดให้นักเรียนทุกคนแต่งกายด้วยชุดนักเรียนขณะนั่งเรียนผ่านระบบออนไลน์ที่บ้าน เพื่อความเป็นระเบียบและเป็นการส่งเสริมวินัยนั้น
วันนี้ (1 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่สำรวจความเห็นของผู้ปกครองใน จ.ตราด เกี่ยวกับแนวคิดดังกล่าวของ ศบค.ตราด ที่มีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน พบว่า ความเห็นของผู้ปกครองในพื้นที่แตกออกเป็น 2 ฝ่ายคือ ฝ่ายที่เห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าว และฝ่ายที่ไม่เห็นด้วย
โดย น.ส.พลอย ผู้ปกครองนักเรียนในระดับชั้นประถมศึกษา บอกตนเองเห็นด้วยกับแนวคิดดังกล่าวเพราะนอกจากจะสร้างความเป็นระเบียบขณะเรียนในชั้นเรียนได้แล้ว ชุดนักเรียนยังมีชื่อปักที่หน้าอกซึ่งจะช่วยให้ครูผู้สอนสามารถเช็กชื่อนักเรียนได้ง่าย และยังสร้างบรรยากาศเสมือนอยู่ในห้องเรียน เพียงแต่เปลี่ยนสถานที่เป็นที่บ้านเท่านั้น
“แต่สิ่งที่อยากขอรับการสนับสนุนจากทางจังหวัดคือ เรื่องของอินเทอร์เน็ตเพราะนักเรียนบางคนไม่มีการติดตั้งระบบไวไฟภายในบ้าน จนต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเพิ่มโปรอินเทอร์เน็ต ซึ่งในบางครั้งต้องประสบปัญหาเรื่องระบบที่ไม่เสถียร ซ้ำยังต้องเสียค่าใช้จ่ายรายเดือนเพิ่มไม่ต่ำกว่า 200-300 บาท ซึ่งในจุดนี้ถือเป็นการเพิ่มภาระให้ผู้ปกครอง” น.ส.พลอย กล่าว
ด้าน นางพิมวิมล สุภา ผู้ปกครองของนักเรียนอีกรายบอกว่า ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดให้นักเรียนแต่งชุดนักเรียนนั่งเรียนผ่านระบบออนไลน์ เพราะไม่ใช่แนวทางแก้ปัญหาที่แท้จริง และยังเป็นการเพิ่มความยุ่งยากให้ผู้ปกครอง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วผู้ปกครองต้องการที่จะให้นักเรียนได้ไปเรียนที่โรงเรียนมากกว่าเพราะจะทำให้เด็กได้ใกล้ชิดกับครูผู้สอนในแต่ละวิชา
เช่นเดียวกับ น.ส.ณฐมน ธรรมเกษตร ที่ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดให้นักเรียนใส่ชุดนักเรียนนั่งเรียนที่บ้าน เพราะตนเองเป็นผู้หนึ่งที่ต้องนำลูกไปทำงานด้วย และสถานที่ทำงานไม่เอื้ออำนวยที่จะให้ลูกใส่ชุดนักเรียนนั่งเรียนผ่านระบบออนไลน์
“คิดว่ามันไม่จำเป็นเพราะการเรียนออนไลน์คือการเรียนผ่านอุปกรณ์อย่างหนึ่ง ต่างจากที่โรงเรียนที่นักเรียนทุกคนต้องใส่ชุดนักเรียนเพื่อความเป็นระเบียบ และการออกแนวคิดให้เด็กใส่ชุดนักเรียนนั่งเรียนออนไลน์ที่บ้านย่อมสร้างความยุ่งยากให้ผู้ปกครองมากกว่า” นางพิมวิมล กล่าว