นครปฐม - “ไอ้โอ” ลวงเด็ก 13 ปี กระทำชำเราในม่านรูดเบี้ยวไม่มาพบตำรวจตามที่ญาติได้ประสานเอาไว้ ด้านแม่น้องอร มาเก้อ เผยพร้อมคุยความจริง แต่ถ้าคิดจะหนีให้เป็นไปตามกระบวนการทางกฎหมาย หากหลังคดีเสร็จเตรียมย้ายครอบครัวไปเริ่มต้นชีวิตใหม่อีกครั้ง เพราะรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่นี่ไม่ไหว
วันนี้ (19 พ.ค.) ที่ สภ.นครชัยศรี จังหวัดนครปฐม นางอุษา (นามสมมติ) อายุ 31 ปี มารดาน้องอร (นามสมมติ) อายุ13 ปี บุตรสาว ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมกรณีถูก นายอรรถพล โนนจุ่น อายุ 27 ปี หรือนายโอ ได้มีการติดต่อกันทางแอปพลิเคชัน และพาเข้าโรงแรมม่านรูด โดยได้สารภาพว่ากระทำต่อ ด.ญ.อร ตามที่ปรากฏเป็นข่าวดังในช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งในวันนี้มีการจับตาว่า นายอรรถพล หรือโอ จะมีการเข้ามาพบพนักงานสอบสวนและทางผู้เสียหาย หลังจากให้สัมภาษณ์กับทางสื่อมวลชนว่า จะขอรับผิดและชดใช้กรรมที่ได้ก่อไว้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เตรียมรวบรวมหลักฐานที่จะขออนุมัติหมายจับจากศาลจังหวัดนครปฐม
โดยนางอุษา มารดาบอกว่า วันนี้ได้เตรียมที่จะมาให้ปากคำเพิ่มเติมและรอผลการตรวจร่างกายของน้องอร บุตรสาวที่โรงพยาบาลนครชัยศรี ซึ่งจะต้องไปรับฟังผลด้วยตัวเอง ซึ่งเมื่อคืนนี้ได้ดูการให้สัมภาษณ์ของนายโอ ฟังดูแล้วเขาน่าจะมีความรับผิดชอบ แต่เราเชื่อถือไม่ได้ว่าเขาจะทำจริงตามที่พูดหรือไม่ ส่วนตัวไม่ได้ให้คิดถึงการมาตกแต่งหรือมาสู่ขอเพราะลูกสาวนั้นยังเล็กมาก แต่มีทางพี่สาวขาโทร.มาหาว่าจะมาคุยกันว่าจะมารับผิดชอบอย่างไร ซึ่งได้คุยกันแต่ตกลงกันไม่รู้เรื่อง และวันนี้ได้รับทราบจากทางตำรวจว่าเขาไม่มาตามนัด ซึ่งทางเราพร้อมที่จะมานั่งตกลงพูดกันแต่ถ้าเขาไม่มาและหลบหนีแล้วแต่ทางเลือกของเขา
แม่น้องอร กล่าวอีกว่า วันนี้กระแสสังคมด่าตนน้อยลง และภาพที่ลูกสาววิ่งหนีออกมาจากโรงแรมม่านรูดยิ่งชัดเจนว่าเขาหวาดกลัว แต่คำพูดที่นายโอ ให้สัมภาษณ์ไว้ เราไม่รู้ว่าเขาคุยกันอย่างไรเพราะคุยกัน 2 คน โดยขณะนี้ทางพ่อของเขากดดันเราว่าจะให้ดำเนินคดีทางกฎหมายต่อผู้ก่อเหตุให้ถึงที่สุด ส่วนทางคนก่อเหตุขอมาเจรจา ส่วนตัวถ้าคุยกันได้จะคุยให้เพราะเรื่องมันเกิดขึ้นแล้ว
“วันนี้หวั่นใจว่าคนก่อเหตุจะหลบหนีไป และลูกสาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม ซึ่งขณะนี้สภาพจิตใจของน้องอร ไม่เครียดมาก ยังคงเล่นกับน้องได้ คุยกับแม่มากขึ้น” นางอุษา กล่าวปิดท้าย
ขณะที่ทางด้านรูปคดี วันนี้ทางพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำเพิ่มเติมในส่วนของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งยังรอการประสานมาจากทางอัยการ และนักจิตวิทยาซึ่งเป็นทีมสหวิชาชีพ ที่จะต้องมีการสอบปากคำพร้อมกัน โดยเอาผลการตรวจร่างกายมาประกอบเพื่อขออนุมัติหมายจับอีกครั้ง ซึ่งผู้สื่อข่าวได้สังเกตการณ์ตลอดทั้งวัน ไม่ปรากฏญาติหรือคนรู้จักของนายโอ มีการเข้ามาติดต่อกับทางเจ้าหน้าที่ตำรวจแต่อย่างใด ขณะที่ชุดคลี่คายคดีได้เร่งประกบหาข้อมูลเพื่อตามหาตัวอยู่