เชียงใหม่ - ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ นำทีมแถลงผลการบริหารจัดการโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ พร้อมชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงกรณีพบผู้ต้องขังเรือนจำกลางเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด-19 เฉียด 4,000 ราย ยืนยันควบคุมสถานการณ์ได้แล้ว ไม่มีเชื้อเล็ดลอดออกภายนอกแน่นอน เผย ผู้ต้องขังมีภูมิคุ้มกันแล้ว 1 ใน 4 ใช้ฟ้าทะลายโจร, วิตามินซี และขิง ช่วยรักษาเห็นผลดีเยี่ยม
วันนี้ (17 พ.ค. 64) ที่หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา องค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ นายเจริญฤทธิ์ สงวนสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ พร้อมด้วย พลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3, นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่, พลตรีวุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมการแพทย์ทหารบก, นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ และ นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง ร่วมกันแถลงข่าวความร่วมมือในการบริหารจัดการโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ พร้อมชี้แจงข้อเท็จจริงและรายละเอียดเกี่ยวกับกรณีที่มีการระบุว่า ผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ติดเชื้อโควิด-19 จำนวน 3,929 คน จากจำนวนผู้ต้องขังทั้งหมด 6,469 คน ทั้งที่ใช้มาตรการ Bubble & Seal ซึ่งจำนวนดังกล่าวแทบจะเท่ากับยอดผู้ติดเชื้อสะสมของทั้งจังหวัดเชียงใหม่ในการระบาดระลอกเดือนเมษายน 64 ที่จากข้อมูลรายงานสรุปของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ ณ วันที่ 16 พ.ค. 64 พบว่ามีจำนวนทั้งสิ้น 4,000 คน
ทั้งนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า จากการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 และระบาดในเรือนจำกลางเชียงใหม่ ซึ่งเป็นพื้นที่ปิด จึงมีการนำมาตรการควบคุมโรคแบบปิด หรือ มาตรการ Bubble & Seal เป็นระยะเวลา 28 วัน พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ โดยความร่วมมือของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่,กองทัพภาคที่3 และกรมการแพทย์ทหารบก กองทัพบก รวมทั้งหน่วยงานต่างๆ ดูแลรักษาผู้ติดเชื้อด้วยมาตรฐานเดียวกับประชาชนทั่วไป ขณะเดียวกัน ทำการคัดกรองตรวจหาผู้ติดเชื้อในผู้ต้องขังทุกคนเพื่อเข้ารับการรักษาอย่างเร่งด่วนที่สุด และตรวจหาภูมิคุ้มกันผู้ต้องขังทุกคนทุก 14 วัน เพื่อให้มั่นใจว่าจะเหลือผู้ต้องขังที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเพียงไม่เกิน 10% และเรือนจำปลอดเชื้อ ซึ่งจากการดำเนินการที่ผ่านมาได้ผลเป็นที่น่าพอใจ และตามแผนจะสามารถส่งมอบคืนพื้นที่ให้เรือนจำกลางเชียงใหม่ได้ในวันที่ 28 พ.ค. 64 ส่วนตัวเลขจำนวนผู้ต้องขังติดเชื้อกว่า 3,000 คนนั้น ยืนยันว่า ทุกอยู่ภายใต้การดูแลรักษาอย่างดี ขณะที่ผู้พ้นโทษยังจะต้องได้รับการกักตัวอีก 14 วันใน local quarantine หรือสถานที่ที่จัดไว้ให้ เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ต้องขังสามารถกลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติและไม่ส่งผลกระทบกับชุมชน
ส่วน นายแพทย์จตุชัย มณีรัตน์ สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า การดำเนินการตามมาตรการ Bubble & Seal ในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เป็นการควบคุมโรคในพื้นที่ปิดเพื่อจำกัดไม่ให้มีการระบาดระหว่างแดน เป็นเวลา 28 วัน เริ่มตั้งแต่วันที่ 27 เม.ย. 64 โดยเร่งตรวจคัดกรองเชิงรุกหาผู้ติดเชื้อในผู้ต้องขังทุกคนและเร่งให้การรักษา พร้อมจัดตั้งโรงพยาบาลสนามที่มีศักยภาพสูงในการรักษาคนไข้ ซึ่งตลอดช่วง 3 สัปดาห์ที่ผ่านมา สามารถดูแลรักษาผู้ติดเชื้อได้เป็นอย่างดี มีเพียง 6 รายเท่านั้นที่อาการหนักจำเป็นต้องส่งตัวรักษาในโรงพยาบาลหลัก ขณะที่การตรวจหาภูมิคุ้มกันจะทำหลังกักตัวครบ 14 วัน 2 รอบ ซึ่งตามทฤษฎีจะเหลือผู้ที่ไม่มีภูมิคุ้มกันเพียง 10% โดยเวลานี้เหลืออีกประมาณ 1 สัปดาห์ จะครบและทำการตรวจหาเชื้อและภูมิคุ้มกันผู้ต้องขังทุกคน ซึ่งจะใช้เวลาอีก 5 วัน จากนั้นจะสามารถส่งมอบคืนพื้นที่ให้ได้ในวันที่ 28 พ.ค. 64 ตามแผน ทั้งนี้ ย้ำว่า จำนวนผู้ต้องขังในเรือนจำกลางไม่มีผลต่อการพิจารณาปรับระดับพื้นที่ควบคุมของจังหวัดเชียงใหม่ เพราะเป็นการระดบาดในพื้นที่ปิดและไม่ได้สะท้อนสถานการณ์ที่แท้จริง
ขณะที่ พลตรีวุฒิไชย อิศระ รองเจ้ากรมการแพทย์ทหารบก กล่าวว่า การควบคุมโรคในพื้นที่เรือนจำกลางเชียงใหม่ครั้งนี้ ภารกิจของทหารที่ได้รับการมอบหมาย คือ สนับสนุนการทำงานในพื้นที่ที่มีขีดจำกัด ดูแลรักษาด้วยมาตรฐานเดียวกับประชาชน ซึ่งภายใต้ข้อจำกัดทั้งหมดถือว่าทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ร่วมกันดำเนินการสามารถทำงานได้อย่างดียิ่ง โดยผู้ต้องขังทุกคนจะต้องได้รับการตรวจหาเชื้อและภูมิคุ้มกันอย่างน้อย 2 ครั้ง หลังกักตัวครบทุก 14 วัน ซึ่งขณะนี้ยอมรับว่ามีผู้ต้องขังที่ติดเชื้ออยู่ประมาณ 60% แต่อีกไม่กี่วัน 44% จะพ้นระยะแล้ว ส่วนการตรวจภูมิคุ้มกันในผู้ต้องขังล่าสุดพบว่ามีผู้ต้องขังที่มีภูมิคุ้มกันแล้ว 24.27% ทั้งนี้ มั่นใจว่า เมื่อครบ 28 วัน การดำเนินงานจะประสบผลตามเป้าหมายในการควบคุมโรค ทำให้เรือนจำกลางเชียงใหม่ปลอดเชื้อโควิด-19 ปลอดภัยสำหรับผู้ต้องขังทุกคน และไม่มีเชื้อเล็ดลอดแพร่สู่ภายนอก พร้อมส่งมอบคืนพื้นที่ให้กับทางเรือนจำกลางเชียงใหม่ได้ ส่วนประเด็นตัวเลขผู้ต้องขังติดเชื้อโควิด-19 นั้น ยอมรับว่า จำนวนมากกว่า 3,000 ราย อย่างไรก็ตาม มองว่า ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเป็นตัวเลขที่มีความเคลื่อนไหว แต่ประเด็นสำคัญยืนยันว่าทุกคนได้รับการดูแลอย่างดีและไม่มีเชื้อเล็ดลอดออกมา
ด้าน นายสุรศักดิ์ เผื่อนคำ ผู้บัญชาการเรือนจำกลางเชียงใหม่ ยืนยันว่า ขณะนี้ควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดในเรือนจำกลางเชียงใหม่ได้แล้ว ทั้งนี้ เรือนจำกลางเชียงใหม่เป็นเรือนจำความมั่นคงสูงสุด มี 10 แดน เริ่มมเกิดเหตุจากแดน 4 ที่เป็นแดนแรกรับ มีการตรวจหาเชื้อและกักตัว โดยมีการแยกขังผู้ต้องขังใหม่อย่างน้อย 14 วัน ในห้องที่มี 7 ห้อง ซึ่งระหว่างที่แยกขังนั้น ยังมีการไปทำกิจกรรมในแดนอื่นทำให้เกิดการระบาด โดยจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ต้องขอโทษทุกฝ่ายและถือว่าเป็นประสบการณ์สำคัญว่าจากนี้การกักตัวเพียง 14 วัน อาจจะไม่เพียงพอและอาจต้องทำการตรวจหาเชื้อทุกวัน พร้อมกันนี้ ยืนยันว่าผู้ต้องขังที่ติดเชื้อโควิด-19 ทุกคนได้รับการดูแลอย่างดีด้วยมาตรฐานสาธารณสุขเช่นเดียวกับประชาชนทั่วไป ทั้งนี้ มีการให้ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อกินฟ้าทะลายโจร, วิตามินซี และ ขิงขาว ซึ่งปรากฏว่าได้ผลดีและทำให้มีภูมิคุ้มกันด้วย
นอกจากนี้ พลตรี ถนัดพล โกศัยเสวี รองแม่ทัพภาคที่ 3 เปิดเผยว่า การระบาดที่เกิดขึ้นในเรือนจำกลางเชียงใหม่ เกิดจากญาติที่ไปเยี่ยมผู้ต้องขังนำเชื้อเข้าไป จนกระทั่งเกิดการแพร่ระบาด อย่างไรก็ตามยืนยันว่าสามารถควบคุมสถานการณ์ไว้ได้แล้ว ขณะที่ นายอรรถวุฒิ พึ่งเนียม นายอำเภอแม่แตง เปิดเผยว่า ทางอำเภอแม่แตง ร่วมกับหน่วยงานเกี่ยวข้องทำการจัดตั้ง Local Quarantine ไว้ 4 แห่ง เพื่อรองรับผู้ต้องขังที่พ้นโทษหรือได้รับอนุญาตให้ออกจากเรือนจำกลาง ในการกักตัวต่ออีก 14 วัน ซึ่งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้ต้องขังในการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติและทำให้ชุมชนเกิดความมั่นใจด้วยจะไม่มีการนำเชื้อไปแพร่ต่อ.