เชียงใหม่ - สสจ.เชียงใหม่เน้นย้ำความเชื่อมั่นมาตรการ Bubble & Seal เรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ควบคุมโควิด-19 ระบาด ยืนยันเอาอยู่ไม่มีแพร่ระบาดออกสู่ชุมชน แจงตรวจเจอผู้ต้องขังร่วมกักติดเชื้อเพิ่มเนื่องจากก่อนหน้ายังเป็นระยะฟักตัวและตรวจได้ผลลบ ส่วนผู้พ้นโทษในช่วงนี้ต้องกักตัวอีก 14 วัน
วันนี้ (29 เม.ย. 64) นายแพทย์ กิตติพันธุ์ ฉลอม ผู้ช่วยนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ กล่าวถึง สถานการณ์การระบาดโควิด-19 ในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ หลังพบผู้ต้องขังในแดนแรกรับติดเชื้อโควิด-19 และเกิดการแพร่ระบาดไปยังแดนอื่นภายในเรือนจำ ทำให้ผู้ต้องขังและผู้คุมติดเชื้อ COVID-19 แยกเป็นผู้ต้องขัง 189 ราย และเจ้าหน้าที่เรือนจำ 2 ราย รวมเป็น 191 ราย ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องขังที่ติดเชื้อรักษาตัวที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนเจ้าหน้าที่เรือนจำรักษาตัวที่โรงพยาบาลในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2564 สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดเชียงใหม่ได้รับแจ้งจากโรงพยาบาลแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่ ว่ามีการพบผู้ต้องขังในเรือนจำกลางเชียงใหม่ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 จำนวน 37 ราย ทั้งหมดเป็นผู้ต้องขังรับใหม่ที่แยกอยู่ในห้องกักตัวแรกรับ จากจำนวนทั้งหมด 82 ราย ที่ได้รับการเก็บตัวอย่างตรวจตามแนวทางของเรือนจำ ทีมสอบสวนโรค สสจ.เชียงใหม่ ร่วมกับ สำนักงานป้องกันและควบคุมโรคที่ 1 โรงพยาบาลแม่แตง และสำนักงานสาธารณสุขอำเภอแม่แตง ได้ดำเนินการสอบสวนและควบคุมโรค
เบื้องต้นพบว่าการระบาดเกิดขึ้นในแดน 4 จากผู้ต้องขังรับใหม่ที่ถูกกักกันในระยะเวลา 14 วัน ก่อนเกิดการระบาดไปยังผู้ต้องขังและผู้ช่วยเหลือ และมีการติดต่อไปยังผู้ช่วยเหลือในแดนอื่นๆ ผู้ต้องขังบางส่วนมีการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อในห้องกักกันที่เกิดการระบาดในระยะท้ายของการกัก ซึ่งผลตรวจก่อนย้ายแดนเป็นลบ เนื่องจากยังอยู่ในระยะฟักตัว จากนั้นถูกย้ายไปยังแดนอื่นๆ จึงทำให้เกิดการระบาดต่อในผู้ต้องขังร่วมห้อง นอกจากนี้ยังพบการระบาดอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากผู้ต้องขังยังคงต้องทำกิจกรรมร่วมกันในช่วงเวลากลางวัน ทั้งในแดนตนเอง และกิจกรรมในแดนอื่นๆ เช่น แดนการศึกษา ที่มีผู้ต้องขังกลุ่มหนึ่งจากแดน 5 และ 7 มาทำกิจกรรมร่วมกัน
โดยผู้ต้องขังในเรือนจำถือเป็นกลุ่มบุคคลเฉพาะที่จะต้องมีการบริหารจัดการดูแลเพื่อเฝ้าระวังการแพร่ระบาด ซึ่งจังหวัดเชียงใหม่ได้ใช้มาตรการ Bubble & Seal เข้ามาดูแล โดยมีการจำกัดการเคลื่อนย้าย แยกผู้ต้องขังกลุ่มเปราะบางออกมาดูแลเฉพาะ เช่น ผู้ต้องขังที่มีอายุมากกว่า 55 ปี, ผู้ต้องขังที่มีโรคประจำตัว ผู้ต้องขังกลุ่มนี้หากพบว่ามีอาการป่วย ไข้ ไอ เจ็บคอ มีเสมหะ มีน้ำมูก หอบเหนื่อย หายใจลำบาก ความเข้มข้นออกซิเจนในเลือดต่ำ 95 จะคัดกรองมารับการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019
หากพบว่ามีการติดเชื้อโควิด-19 ก็จะถูกส่งตัวรักษาที่โรงพยาบาลสนามเรือนจำกลางเชียงใหม่ และหลังจากทำ Bubble and Seal ครบ 14 วัน (7 พ.ค. 2564) จะมีการตรวจหาภูมิคุ้มกันให้ผู้ต้องขังเพื่อเป็นการประเมินสถานการณ์การเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ สำหรับกลุ่มที่ไม่มีภูมิคุ้มกันจะถูกตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 อีกครั้งเมื่อครบ 28 วันหลังการทำ Bubble & Seal พร้อมประเมินสถานการณ์ลดระดับความเข้มข้นของการควบคุม และคาดว่าสถานการณ์จะกลับมาสู่ปกติได้โดยเร็ว
สำหรับหลักการ Bubble and Seal คือ Seal "ปิดผนึก" จะใช้กับสถานที่ที่เฉพาะ สามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของคน ไม่ต้องเดินทางออกนอกพื้นที่ ลดการแพร่เชื้อ คาดว่าใช้เวลา 28 วันจะสามารถควบคุมโรคได้ และ Bubble หรือเรียกว่าเป็น “เขตเฝ้าระวังพิเศษ” จะใช้กับสถานที่ที่มีการจัดหาที่พักให้อยู่ในสถานที่ที่กำหนด มีการตีกรอบพื้นที่ชัดเจน
ทั้งนี้ ขอให้ทุกคนมั่นใจหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวของได้ร่วมมือกันดำเนินการควบคุมโรคที่อยู่ในเรือนจำกลางจังหวัดเชียงใหม่ ป้องกันไม่ให้มีการระบาดมาสู่ชุมชน กลุ่มผู้ต้องขังจะได้รับการดูแลตามมาตรฐานของกระทรวงสาธารณสุข ขณะเดียวกัน ได้ขอความร่วมมือให้ญาติงดเดินทางไปเยี่ยมผู้ต้องขังในช่วงนี้ไว้ก่อน เพื่อลดโอกาสในการแพร่เชื้อ
ส่วนผู้ต้องขังจำนวนหนึ่งที่จะพ้นโทษและได้รับการปล่อยตัวออกจากเรือนจำ ซึ่งก่อนที่ผู้ต้องขังเหล่านี้จะสามารถกลับบ้านได้จะต้องมีการคัดกรองอีกรอบ โดยจะให้เข้าไปสังเกตอาการ 14 วัน ที่ศูนย์บำบัดยาเสพติด ซึ่งเป็นสถานที่กักตัว Local Quarantine และเมื่อครบ 14 วันไม่มีอาการผิดปกติจึงสามารถกลับบ้านได้