กาฬสินธุ์ - เปิดใจ “น้องโวลต์” นักเรียนเก่งสอบติดแพทยศาสตรบัณฑิต มหาวิทยาลัยมหาสารคาม (มมส) หลังเจอกระแสดรามา “จนทิพย์” ระบุสิ่งของเครื่องใช้ที่เห็นทุกอย่างได้มาจากการทำงานตั้งแต่เรียน ม.3 เก็บเงินซื้อเพื่อใช้ในการเรียน พร้อมชี้แจงและขอบคุณผู้ใจบุญ ขณะที่นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ลงพื้นที่ให้กำลังใจ พ่อปลูกผักขายจนจริง พร้อมตั้งคณะกรรมการและที่ปรึกษาดูแลบัญชีเบิกจ่ายค่าเล่าเรียน
จากกรณีที่มีการนำเสนอข่าวและโลกออนไลน์เผยแพร่เรื่องราวของ นางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์ อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ อยู่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 9 บ้านหามแห ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ ที่สอบติดแพทย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่ฐานะทางบ้านยากจน พ่อปลูกพืชผักขาย โดยมีการเปิดรับบริจาค กระทั่งนายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ไปตรวจสอบ พบมีผู้ใจบุญบริจาครวมจำนวนเงินกว่า 2,700,000 บาท และได้ปิดรับบริจาคไปแล้วเนื่องจากเพียงพอสำหรับการเรียนแพทย์แล้วนั้น
อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้กลับกลายเป็นประเด็นร้อนขึ้นมาอีกครั้ง หลังในโลกออน์ไลน์มีการจับโป๊ะภาพจากคลิปวิดีโอต่างๆ ของน้องโวลต์ที่ออกมาก่อนหน้านี้ มีชาวเน็ตจับผิดเห็นไอแพดโปรซึ่งมีราคากว่า 25,000 บาท นอกจากนี้ยังมีแอปเปิลเพนซิล ขวดน้ำหอมดิออร์ยี่ห้อหรู รถยนต์ อินเทอร์เน็ตไวไฟ การจัดฟัน มีการตั้งข้อสงสัยว่าจนจริงหรือไม่ กระทั่งมีข้อความ “จนทิพย์” เป็นอันดับ 1 ในทวิตเตอร์ มีการพูดคุยกันมากกว่า 2 แสนครั้ง รวมทั้งโลกออนไลน์มีการพูดคุยกันจำนวนมาก
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น. วันนี้ (13 พ.ค.) นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องลงพื้นที่ตรวจสอบและเข้าเยี่ยมครอบครัว นางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์อีกครั้ง หลังมีกระแสดรามา โดยพบครอบครัวน้องโวลต์อาศัยอยู่บ้านพักลักษณะเพิงหมาแหงนมุงสังกะสี ปลูกสร้างอยู่กลางสวนท้ายหมู่บ้านเหมือนเดิม โดยน้องโวลต์ พร้อมด้วยนายธนวุฒิ เหล่าบุบผา อายุ 53 ปี พ่อน้องโวลต์ และครอบครัว รอให้ข้อมูล
น้องโวลต์กล่าวว่า ก่อนอื่นต้องขอกราบขอบพระคุณผู้ใจบุญที่ช่วยกันบริจาคเงินให้แก่ตนทุกท่าน ไม่คาดคิดว่าจะมีผู้ใจบุญบริจาคเงินจำนวนมากขนาดนี้ ซึ่งยืนยันว่าตนจะนำไปเป็นทุนการศึกษาในการเรียนแพทย์ เพราะอยากเป็นหมอมารักษาคน และจะทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด
ส่วนกรณีมีกระแสดรามาจนทิพย์ บอกว่าครอบครัวของตนไม่จนจริงนั้น ที่จริงแล้วไม่อยากพูด แต่เมื่อมีกระแสก็พร้อมที่จะชี้แจงทุกอย่าง โดยเฉพาะเรื่องการจัดฟัน ตนทำงานพิเศษหลังเลิกเรียนหารายได้พิเศษมาตั้งแต่ ม.3 ซึ่งตอนนั้นฟันมีปัญหาได้ไปพบแพทย์แนะนำให้จัดฟันและรักษาไปด้วย เริ่มทำตอน ม.4 ตอนนั้นพอมีเงินเก็บจากการทำงานจึงตัดสินใจรักษา
เรื่องที่ 2 ไอแพด ตนเก็บเงินจากการทำงานพิเศษเช่นกัน พยายามเก็บหอมรอมริบประมาณ 1 ปีเศษ จึงซื้อมาใช้เพื่อค้นคว้าข้อมูลในการเรียน ส่วนอินเทอร์เน็ตไวไฟก็เป็นของพี่ชายที่ติดตั้งไว้ทำงาน มีค่ารายเดือน 600 บาท พี่ชายเป็นคนชำระ
นางสาวณัฐวดี หรือน้องน้องโวลต์ เล่าอีกว่า สำหรับกรณีน้ำหอมนั้นตนซื้อมาในอินเทอร์เน็ตมือสอง ราคา 300 บาท มีน้ำหอมเหลือก้นขวด เอามาตั้งไว้เฉยๆ ไม่ได้ใช้ ส่วนรถยนต์นั้นไม่ใช่ของครอบครัวตน เป็นรถยนต์ของน้า ซื้อให้ลูกสะใภ้ใช้
หลังเกิดกระแสครั้งนี้ตนก็รู้สึกเสียใจ เพราะสิ่งที่ตนพูดไปนั้นเป็นความจริง ครอบครัวยากจนจริงๆ ตนต้องทำงานหาเงินเรียนมาตั้งแต่ ม.3 ไม่อยากขอเงินพ่อแม่อย่างเดียว และอยากให้ครอบครัวดีขึ้น กระทั่งมีความสนใจอยากเรียนแพทย์และอยากเป็นหมอ อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนก็ได้ปิดบัญชีแล้ว และยืนยันว่าจะตั้งใจเรียนให้ดีที่สุด
ด้านนายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า จากการตรวจสอบล่าสุดครอบครัวนี้ค่อนข้างยากจน พ่อปลูกผักขาย ส่วนแม่ไม่มีอาชีพ ขณะที่น้องโวลต์นั้นก็เป็นเด็กเรียนเก่ง ขยัน อย่างไรก็ตาม ล่าสุดพบว่ามีผู้บริจาคเข้ามารวมจำนวน 3,795,000 บาท ซึ่งขณะนี้ได้ปิดรับบริจาคและปิดบัญชีแล้ว
เบื้องต้นได้ให้น้องไปทำแผนค่าใช้จ่ายเรียนแพทย์ 6 ปีมาว่ามีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ และจะตั้งเป็นคณะกรรมการและที่ปรึกษาในการเบิกไปใช้จ่าย
ส่วนที่เหลือก็จะเก็บไว้แยกบัญชีออกมาเป็นทุนไว้เรียนต่อแพทย์เฉพาะทางต่อไป เพื่อให้เงินบริจาคเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของผู้ใจบุญและความตั้งใจของน้องโวลต์