กาฬสินธุ์ - “น้องโวลต์” เด็กเรียนดีแต่ยากจน สอบติดแพทย์ มมส ขอบคุณธารน้ำใจหลังเปิดรับบริจาคเป็นทุนการศึกษาเรียนแพทย์ เผยมีผู้ร่วมบริจาคกว่า 2,700,000 บาท ล่าสุดปิดบัญชีแล้ว สัญญาจะตั้งใจเรียน จบมาเป็นแพทย์กลับมารักษาคนป่วยที่บ้านเกิด
วันนี้ (10 พ.ค.) ที่บ้านเลขที่ 14 หมู่ 9 บ้านหามแห ต.โพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ พร้อมด้วย นายพูนเพิ่ม พรไตรศักดิ์ ปลัดอำเภอหัวหน้าฝ่ายความมั่นคงอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ เจ้าหน้าที่บ้านพักเด็ก และเจ้าหน้าที่เทศบาลตำบลโพนทอง อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เข้าเยี่ยมครอบครัว นางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์ อายุ 18 ปี นักเรียนโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ ซึ่งสอบติดนักเรียนแพทย์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม แต่ฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจน
สภาพบ้านน้องโวลต์พบว่าเป็นบ้านเพิงหมาแหงนมุงสังกะสี ปลูกสร้างอยู่กลางสวนท้ายหมู่บ้าน โดยมีนายธนวุฒิ เหล่าบุบผา อายุ 53 ปี พ่อน้องโวลต์ และนางมนสิชา อุดรบูรณ์ เจ้าของโรงเรียนกวดวิชาบ้านความรู้ ให้ข้อมูล
นายสมเจตน์ เต็งมงคล นายอำเภอเมืองกาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังทราบข่าวนางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์ ศิษย์เก่าโรงเรียนกาฬสินธุ์พิทยาสรรพ์ สอบติดคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ประจำปี 2564 รุ่นที่ 16 ซึ่งจะเดินทางไปศึกษาต่อในช่วงปลายเดือนพฤษภาคม 2564 นี้ โดยสื่อโซเชียลได้นำเสนอข่าวระบุว่าน้องโวลต์เรียนดี ฐานะยากจน โดยนายธนวุฒิ ซึ่งเป็นบิดา มีอาชีพปลูกผักสวนครัวขาย
นายสมเจตน์กล่าวอีกว่า หลังจากสื่อโซเชียลเสนอข่าวออกไป นายทรงพล ใจกริ่ม ผู้ว่าราชการจังหวัดกาฬสินธุ์ ได้มอบหมายให้เข้ามาดูพื้นฐานครอบครัวน้องโวลต์ และสอบถามข้อเท็จจริง ซึ่งทราบจากน้องโวลต์ พ่อ และครูที่ปรึกษาว่า ค่าใช้จ่ายการเรียนแพทย์นั้นค่อนข้างสูง ใช้เวลาศึกษา 6 ปี ปีการศึกษาละ 80,000 บาท หากใช้เงินทุนส่วนตัวคงไม่เพียงพอ และคงจะไม่สามารถศึกษาจนจบหลักสูตรได้ จึงได้เปิดบัญชีรองรับการสนับสนุนดังกล่าว
ทราบว่ามียอดบริจาคเข้ามาแล้วประมาณ 2,700,000 บาท และทราบว่าขณะนี้ได้ปิดรับการบริจาคแล้ว เพราะประเมินว่าเพียงพอต่อการใช้เป็นทุนสำหรับเรียนแพทย์ดังกล่าว ในส่วนของการเบิกจ่ายเงินที่ได้รับการโอนเข้ามาช่วยเหลือ จะได้ร่วมกับฝ่ายที่เกี่ยวข้องปรึกษากันเพื่อให้การจ่ายเงินที่ได้รับจากการบริจาคเกิดผลคุ้มค่า และสมเจตนารมณ์ของผู้มีจิตอันเป็นกุศลมากที่สุด
ด้านนางสาวณัฐวดี เหล่าบุบผา หรือน้องโวลต์ กล่าวว่า ตนสนใจเรียนหลักสูตรแพทยศาสตร์บัณฑิตมานาน เพราะเห็นว่าเป็นอาชีพที่สามารถรักษาคนเจ็บป่วยให้หายเป็นปกติ ถือเป็นอาชีพสำคัญ คอยช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ ยิ่งช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดโรคไวรัสโควิด-19 ซึ่งบุคลากรทางการแพทย์ พยาบาลนั้นยังไม่เพียงพอ จึงตั้งใจที่จะเรียนให้จบหลักสูตร และนำความรู้ ความสามารถมาประกอบวิชาชีพรักษาพยาบาลคนป่วยไข้ในพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์บ้านเกิด
ตนทราบว่าทุนที่จะใช้ศึกษาหลักสูตรดังกล่าวสูงมาก แต่ก็มีความตั้งใจจริงจะศึกษาให้จบ เบื้องต้นได้กู้เงิน กยศ.เพื่อเป็นทุนการศึกษา แต่คงไม่เพียงพอ อาจารย์ที่ปรึกษาและผู้ปกครองจึงได้ปรึกษากันเพื่อเปิดบัญชีขอรับบริจาคสนับสนุนทุนการศึกษาดังกล่าว ซึ่งคิดว่าน่าจะได้ไม่เท่าไหร่ แต่ปรากฏว่าธารน้ำใจที่สังคมโอนเข้ามาในบัญชีมากเกินคาดหมาย จึงยุติการรับโอน และขอกราบขอบพระคุณทุกท่านเป็นอย่างมาก ซึ่งตนจะตั้งใจเรียน และทำให้ดีที่สุด เพื่อเป็นหมอรักษาคนป่วยตามความฝันที่ได้ตั้งใจไว้
ด้านนายธนวุฒิ เหล่าบุบผา พ่อน้องโวลต์ กล่าวว่า ตนกับภรรยามีบุตรด้วยกัน 3 คน คนโตรับราชการทหาร น้องโวลต์เป็นคงกลาง และลูกสาวอีกคนกำลังจะขึ้นชั้น ม.5 น้องโวลต์เป็นเด็กดี ขยันเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถมศึกษา ซึ่งตนกับภรรยาประกอบอาชีพปลูกผักสวนครัวส่งขายให้พ่อค้าแม่ค้านำไปขายตลาดสด รายได้ก็พอหล่อเลี้ยงครอบครัวและส่งเสียบุตรเล่าเรียนหนังสือตามกำลัง
ตนเพิ่งทราบว่าน้องโวลต์อยากเรียนแพทย์อย่างจริงจังเมื่อตอนเรียน ม.4 เพราะเห็นหาหนังสือสำหรับหลักสูตรนี้มาอ่านหลายเล่ม ซึ่งตนให้กำลังใจ พยายามกัดฟันสู้เพื่อจะเป็นทุนการศึกษาให้ลูก นอกจากนี้ยังได้สอบถามหลายๆ คนเกี่ยวกับค่าใช้จ่าย ทุนการศึกษาในระหว่างเรียนแพทย์ว่าสูงมาก เกินกำลังชาวบ้านธรรมดาจะส่งเสียได้ พอครูที่ปรึกษาน้องโวลต์มาปรึกษาเพื่อหาทุนการศึกษาและส่งต่อน้องโวลต์สู่จุดหมาย และมีผู้บริจาคเข้ามาดังกล่าว จึงขอกราบขอบพระคุณทุกท่านที่มีจิตศรัทธา ช่วยเหลือน้องโวลต์และครอบครัวตนในครั้งนี้