เพชรบุรี - อธิบดีกรมอุทยานฯ มอบอำนาจให้ชุดพญาเสือร้องทุกข์กล่าวโทษ “สุรพงษ์ กองจันทึก” ฐานหมิ่นประมาท บิดเบือนคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด กรณีคออี้พร้อมพวกรวม 6 คน ฟ้องคดีต่อกรมอุทยานแห่งชาติฯ
วันนี้ (20 เม.ย.) นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน ประจำหน่วยเฉพาะกิจชุดพญาเสือ เปิดเผยว่า ตนเองได้รับมอบอำนาจจากนายธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ให้เข้าร้องทุกข์กล่าวโทษนายสุรพงษ์ กองจันทึก ประธานมูลนิธิผสานวัฒนธรรม อดีตประธานคณะอนุกรรมการสิทธิมนุษยชนด้านชนชาติ ผู้ไร้สัญชาติ แรงงานข้ามชาติและผู้พลัดถิ่น เจ้าของ “คำนำ” อันลือลั่นในโลกออนไลน์ จากหนังสือ “ใจแผ่นดิน แผ่นดินกลางใจกะเหรี่ยงแก่งกระจาน” ฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ทำให้เสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่นเกลียดชัง โดยมี ร.ต.อ.วรพงษ์ ดีเวียง พนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน เป็นผู้รับคดี
โดยนายอรรถพงษ์ เผยว่า นายสุรพงษ์ กองจันทึก ได้ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนในกรณีนายคออี้ พร้อมพวกรวม 6 คน ฟ้องกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่า หลังจากที่ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำวินิจฉัยและคำพิพากษาในคดีออกมาแล้วมาแล้ว พบว่านายสุรพงษ์ ให้สัมภาษณ์กับสื่อบอกว่าเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิม ชาวบ้านไม่ใช่คนบุกรุกป่า การที่ชาวบ้านกลับไปสามารถกลับไปทำกินได้เหมือนเดิม แต่ว่ากรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ยังไม่ยอมรับคำนี้นะครับ ยังไปคิดเดิมๆ ว่าไอ้ชาวบ้านน่าจะเป็นคนบุกรุกป่าอยู่ ไม่ยอมรับคำตัดสินของศาลปกครองสูงสุด มันก็ทำให้เกิดปัญหา
ฉะนั้น สิ่งที่เราเรียกร้องคือให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไปดูคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ซึ่งเขียนไว้ชัดเจนว่าชาวบ้านเป็นชุมชนท้องถิ่นดั้งเดิมต้องปล่อยให้ขาวบ้านกลับไป นอกจากให้ชาวบ้านกลับไปแล้ว ศาลได้เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่ต้องปฏิบัติตามมติ ครม.3 สิงหาคม 2553 เรื่อง การฟื้นฟูวิถีชีวิตชาวกะเหรี่ยง โดยให้ยุติการจับกุมและให้ความคุ้มครองชาวบ้านนั้น เป็นการใส่ความกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โดยมีเจตนาให้สื่อมวลชนนำไปเผยแพร่กระจายเสียงและกระจายภาพในสื่อโทรทัศน์ และสื่อออนไลน์หลายแพลตฟอร์ม เป็นการป่าวประกาศและโฆษณาให้แพร่หลายให้แก่ประชาชนทั่วไปได้รับทราบ
ข้อความดังกล่าวเป็นข้อความที่หมิ่นประมาทกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งข้อความที่นายสุรพงษ์ กล่าวหา เป็นข้อความอันเป็นเท็จ ไม่สอดคล้องและบิดเบือนคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ซึ่งได้วินิจฉัยไว้ว่า
ผู้ฟ้องคดีทั้งหกไม่มีสิทธิที่จะอยู่อาศัยในที่ดินพิพาท เนื่องจากที่ดินพิพาทอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน และผู้ฟ้องคดีทั้งหกไม่มีหนังสือสำคัญแสดงสิทธิในที่ดินหรือหลักฐานแสดงการได้รับอนุญาตจากทางราชการให้ครอบครองทำประโยชน์ในที่ดินพิพาทโดยชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้น ศาลจึงไม่อาจกำหนดคำบังคับให้ผู้ฟ้องคดีทั้งหกกลับคืนสู่สภาพเดิม โดยให้กลับไปอยู่อาศัยและทำกินในพื้นที่เดิมได้ โดยที่นายสุรพงษ์ ไม่ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับเนื้อหาและการกระทำของกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ก่อนการให้สัมภาษณ์ เป็นการกลั่นแกล้ง ใส่ความกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย
และทำให้ผู้ที่ได้รับชมข่าวและอ่าน ฟังข้อมูลในเฟซบุ๊ก ของนายสุรพงษ์ เห็นว่า กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ไม่ปฏิบัติตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด เป็นส่วนราชการที่ไม่ดี ไม่มีธรรมาภิบาล กลั่นแกล้งฟ้องคดี เป็นความเสียหายที่ไม่อาจเยียวยาแก้ไขได้โดยง่าย และอาจเข้ายึดถือครอบครองที่ดินรัฐ และทำลายป่าในเขตอุทยานแห่งชาติได้ ซึ่งการกระทำดังกล่าวเป็นการใส่ความที่ฝ่าฝืนต่อกฎหมาย เป็นประการที่น่าจะทำให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืชเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น หรือถูกเกลียดชัง จึงถือเป็นการหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา
ทั้งนี้ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 326 ซึ่งบัญญัติว่า "ผู้ใดใส่ความผู้อื่นต่อบุคคลที่สามโดยประการที่น่าจะทำให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียง ถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง ผู้นั้นกระทำความผิดฐานหมิ่นประมาท ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี หรือปรับไม่เกิน 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ" และมาตรา 328 ซึ่งบัญญัติว่า "ถ้าความผิดฐานหมิ่นประมาทได้กระทำโดยการโฆษณาด้วยเอกสาร ภาพวาด ภาพระบายสี ภาพยนตร์ ภาพ หรือตัวอักษรที่ทำให้ปรากฏไม่ว่าด้วยวิธีใดๆ แผ่นเสียงหรือสิ่งบันทึกเสียง บันทึกภาพ หรือบันทึกอักษร กระทำโดยการกระจายเสียง หรือการกระจายภาพ หรือโดยกระทำการป่าวประกาศด้วยวิธีอื่น ผู้กระทำต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี และปรับไม่เกินสองแสนบาท"
ในการนี้ ได้มอบอำนาจให้ นายอรรถพงษ์ เภาอ่อน นักวิชาการป่าไม้ชำนาญการ ส่วนประสานโครงการพระราชดำริและกิจการพิเศษ สังกัดสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 3 (บ้านโป่ง) ช่วยปฏิบัติราชการศูนย์ปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า ประจำหน่วยเฉพาะกิจปฏิบัติการพิเศษผู้พิทักษ์อุทยานแห่งชาติและสัตว์ป่า เป็นผู้รับมอบอำนาจในการร้องทุกข์กล่าวโทษต่อพนักงานสอบสวน สภ.แก่งกระจาน เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป