กาฬสินธุ์ - ชาวนายางตลาดสุดช้ำ โอดต้องใช้ชีวิตด้วยความลำบาก เหตุระวังภัยติดเชื้อโควิด-19 ที่กำลังระบาดหนัก เคราะห์ซ้ำกรรมซัดยังขายข้าวเปลือกนาปรังได้ราคาตกต่ำ ขาดทุนซ้ำซาก ไม่พอใช้หนี้และค่าใช้จ่ายประจำวัน วอนรัฐช่วยเหลือด่วน
จากการติดตามการเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปรังของชาวนาในพื้นที่ใช้น้ำชลประทานลำปาว เขต ต.นาเชือก และ ต.บัวบาน อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเริ่มเก็บเกี่ยวกันแล้ว รวมทั้งสภาพความเป็นอยู่ การดำเนินชีวิตของประชาชนในการป้องกันการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ซึ่งมีการคุมเข้มความปลอดภัยอย่างเข้มข้นตามมาตรการคณะกรรมการโรคติดต่อ เนื่องจากพบการแพร่ระบาดในวงกว้างช่วงหยุดยาวเทศกาลสงกรานต์
นายปี วรรณศรี อายุ 69 ปี ชาวนาบ้านนาเชือก ต.นาเชือก อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า การเก็บเกี่ยวผลผลิตข้าวนาปีของตนและชาวนาปีนี้ หวังจะนำเงินขายข้าวมาใช้หนี้ ธ.ก.ส. จ่ายค่าปุ๋ยเคมี ทำบุญสงกรานต์ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในครัวเรือนในช่วงการแพร่ระบาดโควิด-19 กลับต้องรู้สึกท้อแท้สิ้นหวัง เนื่องจากราคารับซื้อข้าวตกต่ำ ซึ่งตกต่ำต่อเนื่องมาตั้งแต่ขายข้าวนาปีเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมา โดยแหล่งรับซื้อให้ราคาเพียง กก.ละ 7.40.-7.50 บาทเท่านั้น ทำให้ชาวนาประสบปัญหาขาดทุนซ้ำซาก
เทศกาลสงกรานต์ปีนี้แทนที่จะได้ทำบุญและเที่ยวสงกรานต์อย่างมีความสุข กลับต้องใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ต้องปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคติดเชื้อโควิด-19 อย่างเคร่งครัด ซึ่งพอที่จะปรับตัวได้ เพื่อให้ทุกคนในชุมชนมีความปลอดภัย ไม่ติดเชื้อโควิด-19 แต่ที่ทำใจไม่ได้คือราคารับซื้อข้าวเปลือกนาปรังที่ตกต่ำ ประสบปัญหาขาดทุนดังกล่าว
ต้นทุนผลิตของชาวนาปัจจุบันยังสูงมาก ทั้งค่ารถไถ ค่าแรง ค่าเมล็ดพันธุ์ ค่าปุ๋ยเคมี ค่าน้ำมันสูบน้ำ ถึงขั้นตอนเก็บเกี่ยวก็ยังมีค่ารถเกี่ยว ค่าขนส่ง รวมแล้วต้นทุนสูงไร่ละกว่า 2,000 บาท ขณะที่ผลผลิตข้าวได้ไม่เกินไร่ละ 3,500 กก. ขายข้าวเปลือก กก.ละ 7.40-7.50 บาท ได้เงินประมาณ 2,500-2,600 บาทเท่านั้น แทบไม่เหลืออะไร ขณะนี้ชาวนาเดือดร้อนมากอยากวิงวอนให้รัฐบาลเข้ามาช่วยชาวนาปรับราคารับซื้อข้าวเปลือกให้สูงขึ้น ดีที่สุดคือมีโครงการประกันราคาข้าวเปลือก รวมทั้งช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวด้วย