เชียงราย - ถนนหนทางโล่ง-ตลาดชายแดนเงียบเหงาถนัดตา..หลังโควิดเชียงรายบวกเพิ่มรายวัน สะสม 59 ราย จนต้องจ่อขอคนจากจังหวัดเสี่ยงเข้าพื้นที่กักตัว
วันนี้ (13 เม.ย.) ศูนย์ข้อมูลโควิด-19 สำนักงานสาธารณสุข จ.เชียงราย รายงานสถานการณ์โรคไวรัสโควิดว่ามีผู้ป่วยยืนยันระลอกเดือน เม.ย. 2564 เพิ่มขึ้นอีก 9 ราย ทำให้ยอดสะสมผู้ติดเชื้อรวม 59 รายแล้ว ขณะที่สำนักงานสาธารณสุขได้จัดเตรียมความพร้อมโรงแรมและห้องพักหลายแห่งในเขต อ.เมืองเชียงราย เพื่อปรับให้เป็นสถานที่เฝ้าสังเกตอาการและกักกันโรคผู้ติดเชื้อที่รักษาตัวในโรงพยาบาลจนครบ 5 วันกรณีมีอาการป่วยเพียงเล็กน้อยหรือไม่มีอาการป่วย เพื่อลดจำนวนความแออัดของผู้ป่วยและลดวันนอนรักษาในโรงพยาบาล
ด้านคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงายได้มีประกาศคณะกรรมการฉบับที่ 52 ขอความร่วมมือจากผู้ที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ นครปฐม และเชียงใหม่ ให้เฝ้าสังเกตอาการตนเองอย่างเคร่งครัดอยู่ที่บ้านเป็นเวลา 14 วันหรือเท่าที่อยู่ในพื้นที่ จ.เชียงราย ในส่วนของผู้ที่เดินทางมาปฏิบัติภารกิจในพื้นที่ก็ขอให้เฝ้าสังเกตอาการอย่างเคร่งครัดด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ แม้เชียงรายยังไม่ถึงขั้นมีคำสั่งให้มีการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน แต่พบว่าผู้คนก็งดการเดินทางในห้วงสงกรานต์ปีนี้ เนื่องจากในภาคเหนือมีจังหวัดที่มีคำสั่งและประกาศให้กักตัวถึง 12 จังหวัด จากทั่วประเทศ 39 จังหวัดตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 (ศบค.) กระทรวงมหาดไทย
ด้านสถานการณ์การท่องเที่ยวหรือออกมาจับจ่ายซื้อสินค้าช่วงเทศกาลสงกรานต์ปี 2564 เป็นไปด้วยความซบเซา โดยเฉพาะชายแดนไทย-เมียนมา อ.แม่สาย จ.เชียงราย ที่มีตลาดชายแดนหลายแห่งซึ่งเคยคึกคักในช่วงเทศกาลพบว่าเงียบเหงาลงถนัดตา ถนนหนทางโล่ง เพราะผู้คนต่างเฝ้าระวังไม่ออกนอกเคหสถานถ้าไม่จำเป็น รวมทั้งหลายรายตัดสินใจไม่เดินทางกลับภูมิลำเนาในช่วงนี้
ขณะที่ นายประจญ ปรัชญ์สกุล ผู้ว่าราชการ จ.เชียงราย ในฐานะประธานคณะกรรมการโรคติดต่อ จ.เชียงราย มอบหมายให้คณะทำงานติดตามสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 จ.เชียงราย ได้สั่งการให้ศูนย์ปฏิบัติการทั้ง 18 อำเภอของเชียงรายควบคุมการปิดสถานบริการอย่างเข้มงวดไปจนถึง 23 เม.ย.นี้ และเตรียมตรวจคัดกรองกลุ่มเสี่ยงแบบเชิงรุก 1,000 ราย กลุ่มสัมผัสเสี่ยงสูง 1,000 ราย กลุ่มที่มีญาติมาจากพื้นที่เสี่ยง 1,000 ราย และกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับสถานบันเทิง 1,000 ราย โดยให้ไปตรวจและเก็บตัวอย่างที่โรงพยาบาลชุมชนทุกอำเภอ แล้วส่งผลไปยังศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เชียงรายหรือห้องปฏิบัติการ