บุรีรัมย์ - ควาญช้างถึงกับน้ำตาคลอ หลังเจอพิษโควิดต่อเนื่องกว่า 1 ปีต้องตกงานไร้เงินเลี้ยงปากท้องและซื้ออาหารให้ช้างจนต้องอพยพกลับบ้านที่บุรีรัมย์แม้จะยังไม่รู้ชะตากรรม วอนภาครัฐหรือผู้ใจบุญช่วยเหลือสนับสนุนอาหารเลี้ยงช้างจนกว่าผ่านพ้นวิกฤต ขอบคุณสหพันธ์ช้างไทยที่ช่วยบรรทุกช้างกลับบ้าน และซาบซึ้งน้ำใจคนไทยที่นำอาหารผลไม้มาให้ช้างระหว่างเดินทาง
วันนี้ (12 เม.ย.) ควาญช้างชาว จ.บุรีรัมย์ และ จ.สุรินทร์ ที่ตั้งใจจะพาช้างจำนวน 6 เชือก ทั้งพลายจำโบ้ อายุ 10 ปี, พลายรุ่งเรือง อายุ 45 ปี, พลายขนุน อายุ 15 ปี, สีดอเด่นชัย, พังวรรณลี อายุ 35 ปี และพังอุดร อายุ 35 ปี เดินเท้าจาก อ.บางละมุง จ.ชลบุรี กลับภูมิลำเนาที่อำเภอสตึก จ.บุรีรัมย์ หลังจากเจอพิษโควิด-19 อย่างต่อเนื่องมานานกว่า 1 ปีทำให้ตกงานไม่มีเงินเลี้ยงปากท้อง และซื้ออาหารให้ช้างกิน ไม่มีแม้กระทั่งค่ารถที่จะจ้างมาบรรทุกช้างกลับบ้าน
กระทั่งทางสมาคมสหพันธ์ช้างไทยได้จัดหารถบรรทุกจำนวน 6 คันมาช่วยเคลื่อนย้ายช้างทั้ง 6 เชือก และรถบรรทุกสัมภาระต่างๆ อีก 2 คันเพื่อช่วยเหลือส่งกลับบ้าน โดยล่าสุดได้เดินทางกลับถึงบ้านกระทุ่ม ต.หนองใหญ่ อ.สตึก จ.บุรีรัมย์แล้วเมื่อคืนวันที่ 9 เม.ย. 2564 ที่ผ่านมา
ช้างทั้ง 6 เชือก เบื้องต้นควาญได้นำไปล่ามไว้ที่บริเวณท้ายหมู่บ้านก่อนจนกว่าจะมีสถานที่อื่น ส่วนอาหารมีคนที่ทราบข่าวนำกล้วย อ้อยมาให้ช้างได้กินพอประทังความหิวบ้าง แต่ไม่เพียงพอเพราะช้างแต่ละเชือกจะกินไม่ต่ำกว่า 300-400 กิโลกรัม หากลงทุนซื้อผลไม้ หรืออ้อยให้กินก็จะต้องมีค่าใช้จ่ายเฉลี่ยตัวละ 3,000-4,000 บาทต่อเดือน แต่หลังจากเจอสถานการณ์โควิด-19 ระบาดอย่างต่อเนื่องเป็นเวลากว่า 1 ปีก็แทบไม่มีงานไม่มีเงินเพราะไม่มีนักท่องเที่ยวใช้บริการ จากผลกระทบดังกล่าวทำให้ได้รับความเดือดร้อน และที่ตัดสินใจพาช้างกลับบ้านยังไม่รู้ชะตากรรมด้วยซ้ำว่าจะหารายได้จากที่ไหนมาจุนเจือครอบครัว หรือหาอาหารมาเลี้ยงช้าง ทำให้ควาญช้างบางคนถึงกับน้ำตาคลอเพราะไม่รู้จะหาทางออกอย่างไร
นายปิยพงศ์ จงใจงาม อายุ 61 ปี กล่าวว่า อาชีพเลี้ยงช้างสืบทอดต่อกันมาตั้งแต่บรรพบุรุษ ถ้าจะให้เปลี่ยนอาชีพไปทำอย่างอื่นก็ไม่รู้จะไปทำอะไร ที่สำคัญอยากให้ลูกหลานได้สืบทอดอาชีพเลี้ยงช้างต่อไป เพราะช้างถือเป็นสัตว์สัญลักษณ์คู่บ้านคู่เมืองของไทยก็อยากจะอนุรักษ์เอาไว้ ซึ่งขณะพูดลุงปิยพงศ์ ก็น้ำตาคลอและน้ำเสียงสั่นเครือ ส่วนผลกระทบจากสถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้น อยากให้ทางรัฐบาลหาแนวทางช่วยเหลือช้าง และควาญช้างด้วย ซึ่งเข้าใจว่าช่วงนี้รัฐบาลมีภารกิจเยอะ แต่หากเป็นไปได้ขอให้ช่วยเหลือสนับสนุนเรื่องอาหารให้ช้างได้กินจนกว่าควาญจะมีงานทำหรือมีรายได้มาเลี้ยงช้าง
ด้าน น.ส.ลักขณา ก้านอิ่ม อายุ 32 ปี ควาญช้างอีกคน บอกว่า หลังจากโควิด-19 ระบาดรอบแรกก็ยังพอหากินได้ แต่พอมีการระบาดรอบสองและระลอกสามมาซ้ำเติมอีก ทำให้ต้องตกงานไม่มีเงินซื้ออาหารให้ช้าง เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการเลยทำให้ตกงานขาดรายได้ จนต้องตัดสินใจที่จะเดินเท้ากลับมาตั้งหลักที่บ้าน กระทั่งมีผู้ใจบุญและทางสมาคมสหพันธ์ช้างไทยจัดหารถบรรทุกมาช่วยเคลื่อนย้ายช้างกลับบ้าน ทั้งยังได้รับน้ำใจจากคนไทยที่นำผลไม้ และเงินมาบริจาคสนับสนุนซื้ออาหารช้างระหว่างเดินทางกลับก็ขอบคุณที่ช่วยเหลือ แต่สิ่งที่กังวลคือหลังจากนำช้างกลับบ้านแล้วจะหารายได้จากไหนมาเลี้ยงทั้งคนและช้าง จึงอยากให้ภาครัฐ หรือผู้ใจบุญช่วยเหลือสนับสนุนอาหารช้าง จนกว่าจะสามารถหางานทำ หรือมีเงินพอซื้ออาหารเลี้ยงช้างเองได้ หากใครต้องการจะช่วยเหลือควาญ ช้างทั้ง 6 เชือก สามารถบริจาคได้ที่ชื่อบัญชี นภาลัย หมายงาม เลขที่บัญชี 0661347740 กสิกรไทย หรือโทรซติดต่อที่เบอร์ 09-3335-7062 เตย