ศูนย์ข่าวศรีราชา - ไม่พ้นกระแสดรามา! กลุ่มช้างตกงานเดินเท้ากลับบ้านใน จ.สุรินทร์ เจอทั้งแรงเชียร์-เสียงครหานำช้างออกหากิน วันนี้ต้องอาศัยแคมป์คนงานเก่าพักแรมหลังมีคนใจดีติดต่อช่วยจัดหารถบรรทุก
จากผลกระทบของพิษโควิด-19 ที่ทำให้ครอบครัวควาญช้างนับ 10 ชีวิตใน ต.ห้วยใหญ่ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ต้องพากันขนข้าวของขึ้นรถยนต์ส่วนตัว พร้อมนำช้าง 5 เชือก เดินเท้าออกจากฟาร์มกลับบ้านเกิดใน จ.สุรินทร์ หลังต้องตกงานนานกว่า 1 ปี โดยใช้เส้นทางสาย 331 มุ่งหน้าสู่ภาคอีสาน ที่มีระยะเวลาเดินทาง 2 สัปดาห์ภายใต้ระยะทาง 500 กิโลเมตร
โดยตลอดระยะเวลาการเดินเท้าจะใช้รถยนต์กระบะ 2 คัน ซึ่งบรรทุกข้าวของขับประกบหน้าหลังเพื่อป้องกันอันตราย และจะแวะพักค้างแรมตามเส้นทางที่เดินผ่านเพื่อให้ช้างได้พักและมีอาหารกิน จนมีผู้คนจำนวนมากให้ความสนใจและยื่นมือเข้าให้การช่วยเหลือนั้น
วันนี้ (7 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าการเดินทางกลับบ้านของครอบครัวควาญช้างว่า เบื้องต้น ควาญช้างได้นำช้างทั้ง 5 เชือกและสมาชิกในครอบครัวเข้าพักค้างแรมที่แคมป์คนงานก่อสร้างเก่าในพื้นที่ ม.2 ต.หนองปลาไหล อ.บางละมุง เป็นการชั่วคราว 2-3 วัน หลังได้รับการติดต่อจากผู้ใจบุญว่าจะช่วยจัดหารถ จำนวน 5 คันเพื่อนำช้างกลับบ้าน
แต่เมื่อถึงเวลานัดหมายในเวลา 08.00 น.ควาญช้างกลับไม่สามารถติดต่อผู้ใจบุญรายดังกล่าวได้ อีกทั้งยังมีผู้ใจบุญอีกหลายรายติดต่อที่จะให้ความช่วยเหลือ จึงทำให้ครอบครัวควาญช้างตัดสินใจที่จะพักค้างแรมในแคมป์คนงานดังกล่าวเพื่อรอรับการติดต่อกลับอีกครั้ง
นายบัญชา หอมเนียม อายุ 26 ปี ควาญช้างบอกว่า หลังสื่อมวลชนหลายแขนงได้พากันนำเสนอข่าวเรื่องช้างเดินเท้ากลับบ้านใน จ.สุรินทร์ ทำให้มีผู้คนโทรศัพท์ติดต่อเข้ามาจำนวนมากและส่วนใหญ่ยินดีที่จะช่วยเหลือในการจัดหารถสำหรับขนช้าง ซึ่งขณะนี้ตนเองและครอบครัวยังต้องพักชั่วคราวที่แคมป์คนงานก่อสร้างไปก่อน
เช่นเดียวกับ น.ส.ลักขณา ก้านอินทร์ ที่บอกว่าหลังมีการนำเสนอข่าวช้างเดินเท้ากลับบ้านทำให้มีหลายหน่วยงานรวมทั้งชาวบ้านยื่นมือให้การช่วยเหลือ
พร้อมฝากวอนให้หน่วยงานภาครัฐให้ยื่นมือช่วยเพื่อลดกระแสดรามาที่ว่าตนเองและครอบครัวนำช้างออกมาเดินหากิน ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้วครอบครัวของตนเองต้องการที่จะกลับบ้านเท่านั้น แต่ไม่มีเงินที่จะว่าจ้างรถเพื่อนำช้างทั้ง 5 เชือกเดินทางกลับบ้านที่ จ.สุรินทร์