บุรีรัมย์ - ญาติแจ้ง ตร.ตรวจสอบหลังสามีทำงานที่ไต้หวันติดต่อเมียและลูกไม่ได้ 2 วันกลัวมีอันตราย พบขังตัวเองกับลูกน้อยวัย 5 ขวบในห้องเช่าที่บุรีรัมย์ อ้างน้อยใจสามีส่งเงินให้น้อยไม่พอใช้ เกลี้ยกล่อมนานเป็นชั่วโมงไม่ยอมเปิดประตูกลัวญาติสามีเอาลูกไปเลี้ยง เตรียมประสานหน่วยงานหาแนวทางช่วยเหลือ
วันนี้ (3 เม.ย.) เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจ สภ.เมืองบุรีรัมย์ ได้รับแจ้งจากญาติว่ามีหญิงคนหนึ่งขังตัวเองกับลูกน้อยในห้องเช่าแห่งหนึ่งในตัวเมืองบุรีรัมย์ไม่ยอมออกจากห้อง และสามีที่ทำงานอยู่ที่ประเทศไต้หวันก็โพสต์ตามหาภรรยากับลูกเพราะติดต่อไม่ได้มา 2 วันแล้วกลัวจะเป็นอันตราย
จากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้เดินทางไปตรวจสอบตามที่ได้รับแจ้ง พบห้องเช่าไม่มีเลขที่ตั้งอยู่ถนนสายบุรีรัมย์-ประโคนชัย ใกล้กับปั๊มน้ำมัน ปตท. พบประตูถูกล็อกกลอนจากข้างในห้องไม่สามารถเปิดได้ เมื่อส่องดูในห้องมืดสนิทมองไม่เห็นใคร จากการสอบถามญาติบอกว่าผู้หญิงที่เช่าห้องดังกล่าวชื่อ น.ส.เก๋ อายุ 28 ปี เจ้าหน้าที่จึงลองตะโกนเรียกดูมีเสียงผู้หญิงตอบกลับแต่ไม่ยอมเปิดไฟและเปิดประตู
ทั้งตำรวจ และญาติก็ช่วยกันเกลี้ยกล่อมให้ น.ส.เก๋เปิดประตูนานเป็นชั่วโมง แต่หญิงคนดังกล่าวก็ไม่ยอมเปิด และไม่ยอมให้ใครเห็นหน้าแต่ได้ยินเสียงบ่นผ่านตะแกรงเหล็กออกมา พอจับใจความได้ว่าน้อยใจที่สามีซึ่งไปทำงานรับจ้างอยู่ที่ประเทศไต้หวันส่งเงินมาให้ใช้น้อยตนกับลูกไม่พอกิน ทั้งหาว่าตนใช้เงินเปลือง และกลัวว่าญาติฝ่ายชายจะเอาลูกไปเลี้ยงเองด้วย จึงไม่ยอมเปิดประตูถ้าอยากจะคุยต้องให้สามีกลับจากไต้หวันมาพูดคุยเอง ตำรวจและญาติพยายามพูดปลอบใจว่าไม่มีใครมาแย่งลูกไปหรอก แค่แวะมาดูเพราะทุกคนเป็นห่วง แต่พูดอย่างไร น.ส.เก๋ก็ไม่ยอมเปิดประตู
จากการสอบถาม น.ส.ปลา อายุ 23 ปี ซึ่งเป็นน้องเมียของ น.ส.เก๋ บอกว่า ตนอยู่ จ.ศรีสะเกษ ส่วนพี่ชายทำงานรับจ้างที่ประเทศไต้หวัน ก็โอนเงินมาให้ภรรยากับลูกทุกเดือนเดือนละประมาณหมื่นกว่าบาท แต่เมื่อ 2 วันที่ผ่านมาเห็นพี่ชายโพสต์เฟซบุ๊กว่าติดต่อภรรยากับลูกไม่ได้ ถ้าใครเห็นให้ช่วยแจ้งด้วยเพราะเป็นห่วงลูกกับภรรยา แล้ววานให้ตนมาดูให้ ซึ่งพอตนเดินทางมาดูที่ห้องเช่าในตัวเมืองบุรีรัมย์พบ น.ส.เก๋ ขังตัวเองกับลูกชายวัย 5 ขวบในห้องเช่า พยายามเคาะให้เปิดประตูก็ไม่ยอมเปิดมีแต่พูดบ่นลักษณะน้อยใจพี่ชายของตนเอง และกลัวว่าทางญาติสามีจะมาแย่งลูกไป ซึ่งตนยืนยันว่าไม่ได้จะมาเอาลูกของพี่สะใภ้ แค่แวะมาดูว่าอยู่อย่างไรกินอย่างไรเพราะเป็นห่วงทั้งพี่สะใภ้และหลาน พยายามชวนทั้งคู่ไปอยู่ด้วยที่ จ.ศรีสะเกษ แต่ปฏิเสธ
อย่างไรก็ตาม เมื่อมาดูแล้วเห็นว่าทั้งคู่ปลอดภัยดีก็สบายใจ แต่ไม่อยากให้ขังหลานไว้ในห้องแบบนี้ อีกทั้งหลาน 5 ขวบแล้ว อยากให้ได้เข้าเรียนเหมือนเด็กคนอื่น แต่เมื่อแม่เขาไม่ยอมก็ไม่รู้จะทำอย่างไร อยากฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยพูดคุยหรือช่วยดูแลด้วย เพราะตนต้องกลับไปทำงานที่ จ.ศรีสะเกษแล้ว
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จะได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และเจ้าของหอพักให้มาช่วยดูเพราะเกรงหญิงคนดังกล่าวจะคิดมากหรือทำอะไรที่ไม่คาดคิด