เชียงใหม่ - “ศรีสุวรรณ” เลขาฯ องค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ขึ้นเชียงใหม่อีกรอบ ให้ปากคำ พนง.สอบสวนและยื่นหลักฐานเพิ่มแก๊งย่ำยีธงชาติใน มช. อ้างผลงานศิลปะนำไปเคลื่อนไหวการเมือง ส่อหมิ่นสถาบัน เหยียดหยามประเทศชาติ ชี้คนสมรู้ร่วมคิดมีทั้งหัวหงอกหัวดำ อ้างตัวเป็นอาจารย์และนักศึกษา
วันนี้ (1 เม.ย. 64) เวลาประมาณ 11.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรภูพิงคราชนิเวศน์ อำเภอเมือง จังหวัดเชียงใหม่ นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เข้าพบพนักงานสอบสวนอีกครั้งเพื่อให้ปากคำต่อพนักงานสอบสวนและยื่นพยานหลักฐานเพิ่มเติม หลังจากเมื่อวันที่ 26 มี.ค. 64 เข้าแจ้งความร้องทุกข์กล่าวโทษผู้ที่นำธงชาติไทยแต่ไร้แถบสีน้ำเงินมากระทำการในลักษณะไม่สมควร เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 64 และบริเวณคณะวิจิตรศิลป์ มช. ตามพระราชบัญญัติธง พ.ศ. 2522 โดยมีนักแสดงหญิงชื่อดังที่ทำตัวเป็นท่อน้ำเลี้ยงพ่วงอยู่ด้วยนั้น
ทั้งนี้ นายศรีสุวรรณระบุว่า การนำธงชาติไทย หรือธงไตรรงค์มาแสดงเป็นสัญลักษณ์ แต่ไม่มีแถบสีน้ำเงิน โดยมีการขีดเขียนข้อความและหรือถ้อยคำสบถต่างๆ ในลักษณะลบหลู่ เหยียดหยามและดูหมิ่นนั้น เป็นหลักฐานสำคัญที่ชี้ให้เห็นถึงการกระทำความผิดตาม พ.ร.บ.ธง 2522 ในหลายมาตรา เช่น ม.51 ม.53 ที่บัญญัติว่า ผู้ใดกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใด อาทิ ประดิษฐ์รูป ตัวอักษร ตัวเลข หรือเครื่องหมายอื่นใดในผืนธง ใช้ ชัก หรือแสดงธง รูปจำลองของธง หรือในแถบสีของธง อันมีลักษณะโดยไม่สมควร ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกินหนึ่งปีหรือปรับไม่เกินสองพันบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ
นอกจากนั้น ใน ม.54 ยังบัญญัติต่อไปว่า ผู้ใดกระทำการใดๆ อันมีลักษณะเป็นการเหยียดหยามต่อธง รูปจำลองของธง หรือแถบสีธงที่ได้บัญญัติกำหนดลักษณะไว้ในพระราชบัญญัตินี้ หรือตามที่กำหนดในกฎของกระทรวง ซึ่งออกตามพระราชบัญญัตินี้ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือน หรือปรับไม่เกินหนึ่งพันบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และที่สำคัญคือ ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.118 ได้บัญญัติข้อห้ามไว้ว่า ผู้ใดกระทำการใดๆ ต่อธงหรือเครื่องหมายอื่นใดอันมีความหมายถึงรัฐ เพื่อเหยียดหยามประเทศชาติ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
โดยกรณีที่เกิดขึ้น มีผู้ที่สมรู้ร่วมคิดในการดำเนินการดังกล่าวหลายคน ทั้งหัวดำ หัวหงอก ทั้งนักศึกษา และผู้ที่อ้างว่าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ซึ่งสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทยไม่อาจทนดูพฤติกรรมของผู้ที่นำธงชาติไทยมาลบหลู่ ดูหมิ่น และใช้เป็นเครื่องมือในการโจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์ต่อไปได้ จึงนำพยานหลักฐานมามอบแก่พนักงานสอบสวน สภ.ภูพิงคราชนิเวศน์เพิ่มเติม เพื่อตอกย้ำถึงความผิดของผู้ที่สมรู้ร่วมคิดในการจัดทำธงดังกล่าวอย่างไม่เหมาะสม ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.83 ที่บัญญัติว่า “ในกรณีความผิดใดเกิดขึ้นโดยการกระทำของบุคคลตั้งแต่สองคนขึ้นไป ผู้ที่ได้ร่วมกระทำความผิดด้วยกันนั้นเป็นตัวการ ต้องระวางโทษตามที่กฎหมายกำหนดไว้สำหรับความผิดนั้น” นอกจากนั้น ผู้ที่เข้าร่วมชุมนุมและร่วมกิจกรรมดังกล่าว ต้องถือว่าเป็นตัวการร่วมในการกระทำความผิด ตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน 2548 และ พ.ร.บ.โรคติดต่อ 2558 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา ม.112 ม.116 และ ม.215 อีกด้วย