อุทัยธานี - “ชาดา-รอง หน.ภูมิใจไทย” โพสต์เดือด..แฉเบื้องหลังการเมือง-นักการเมืองล้มร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญวาระสาม ระบุวันนั้นทุกฝ่ายเล่นเกมการเมือง ระบุไม่ให้ราคานักการเมืองเปลี่ยนชื่อพ่อแม่ตั้งให้เพราะอยากเป็นใหญ่..ย้ำถ้าไม่จริงคุณกับผมเจอกันที่ไหนก็ได้
เมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. วันนี้ (23 มี.ค. ) นายชาดา ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวถึงเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญและความเป็นมา-เบื้องหลังของการเมือง นักการเมือง ด้วยเนื้อหาที่ค่อนข้างจะดุเดือดว่า
“วันนี้ต้องขอพูดความจริงเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญและความเป็นมาให้สังคมได้รู้ความจริงรู้เบื้องหลังของการเมือง นักการเมือง และความเป็นจริง ถ้ากระทบใครก็ต้องขอโทษด้วยเพราะมันคือความจริง แต่ถ้าว่าไม่ใช่จริงคุณกับผมเจอกันที่ไหนก็ได้ คุณไม่ต้องมาพูดหรือลงโซเชียลว่าคนอย่างผมเล่นละคร คุณน่ะก็เคยเล่น คนอย่างผมคิดอย่างไรพูดเช่นนั้น อย่าเอานิสัยตนเองมากล่าวหาผมเลย ถามคนที่รู้จักผมดีกว่าว่าผมเป็นคนเช่นไร
เรี่องแก้รัฐธรรมนูญนั้น หลังจากคนที่เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่มีลำดับของพรรค พปชร. ไม่รู้หน้าที่ตัวเอง
ทำหนังสือถามศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งได้มีคำวินิจฉัยออกมาดังที่ทราบกันแล้วนั้น ก่อนจะถึงวันนัดลงมติ ผมทราบดีว่าผลโหวตจะออกมาอัปลักษณ์ในสายตาของประชาชน ผมอัดอั้นตันใจจึงระเบิดคำพูดออกมาในขณะนั้น ไม่ได้นัดแนะเตรียมการกับผู้ใดทั้งสิ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่าแม้แต่ ส.ส.ต่างพรรคก็ยังเดินตามออกมา
ส่วนที่นายไพบูลย์จะให้มีการสอบจริยธรรมผม ต้องถามว่านายไพบูลย์เป็นใคร? เรื่องนี้ให้พี่น้องประชาชนติดตามตอนต่อไปดีกว่าว่าใครไม่จริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญกันแน่ ผมน้อมรับคำตำหนิติติงจากพี่น้องประชาชนที่แสดงความคิดเห็นโดยสุจริต แต่ประณามคนที่คิดวางแผนหลอกใช้เพื่อนเพื่อยื้อเวลารักษาอำนาจตำแหน่งของตนเอง ผมเป็น ส.ส.เขตพร้อมเลือกตั้งทุกเวลาครับ ผมไม่ได้กลัวตามที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยมา เพราะคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร คณะรัฐมนตรี และหน่วยงานของรัฐ แต่ไม่ได้ผูกพันสมาชิกรัฐสภาซึ่งเป็นปัจเจกบุคคลเช่นผม ใครจริงใจใครตระบัดสัตย์ประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเองเมื่อถึงเวลาครับ”
นายชาดาระบุข้อความอีกว่า..“ผมขอเล่าเหตุการณ์ให้ทราบอีกนิดนะครับ ตามความเห็นผมนั้นเห็นว่าเราไม่ควรลงมติในวาระสาม แต่ควรไปเร่งพิจารณาออกกฎหมายประชามติให้เสร็จสิ้น..ถ้าประชาชนเห็นด้วยในการทำประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญก็กลับมาลงมติวาระสาม เพราะเป็นศักดิ์ศรีและสิทธิ์ของคุณ ประชุมกันมาปีกว่าเสียทั้งเงินและทรัพยากรไปมากมาย และที่สำคัญทุกคนได้ลงมติผ่านมาแล้ว 2 วาระ เมื่อมีคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญออกมาก็ยังถือว่าไม่ขัดแย้งและสภาฯ มีศักดิ์ศรี
จนกระทั่งวันที่ลงมติวาระ 3 ก่อนเข้าระเบียบวาระท่านประธานให้ปรึกษาหารือ นายสมชายเสนอญัตติว่า..ไม่ให้ลงมติในวาระ 3 โดยมี ส.ว. และพลังประชารัฐสนับสนุน ส่วนญัตติของ ปชป.โดยนายจุรินทร์ เสนอให้ไปถามศาลให้ชัดเจน ญัตติของนายชลน่าน และนายโรมเสนอให้ลงมติเลย คุยกันมา 8-9 ชม. ผมถามทางพรรคก้าวไกลว่า..ลงมติไปก็แพ้จะลงทำไม พรรคก้าวไกลตอบว่าเพื่อให้ประชาชนจะได้รู้ ทางพรรคเพื่อไทยก็เช่นกัน ผมเห็นด้วยกับญัตติของประชาธิปัตย์ ซึ่งเป็นสายกลาง ซื้อเวลาไปก่อน
เนื่องจากตกลงกันไม่ได้ จนนายวิรัชไปคุยกับพรรคฝ่ายค้านว่าให้ลงมติ ประธานฯ ทราบแค่ว่า..จะให้ลงมติ 3 ญัตติตามที่เสนอมาเท่านั้น จนนายไพบูลย์เสนอญัตติซ้อนญัตติทำ 3 ญัตตินั้นตกไป และมีการลงมติตามญัตติที่นายไพบูลย์เสนอ โดยการสนับสนุนของ พปชร.-ส.ว. และพรรคฝ่ายค้าน จึงทำให้คะแนนเสียงญัตติของนายไพบูลย์ชนะ จึงมีการลงมติในวาระที่ 3 เกิดขึ้น ซึ่ง พปชร.และ
ส.ว.บางส่วนไม่ลงมติ เพื่อไทย ปชป.บางส่วน และฝ่ายค้านบางส่วนเห็นด้วยตามที่คะแนนออกมา”
นายชาดาระบุอีกว่า “ผมถือว่าทุกคนที่เสนอให้ลงมติในวาระ 3 ไม่มีความจริงใจในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
ฝ่ายค้านรู้ว่าแพ้ก็ยังให้ลงเพื่อจะเอาอ้างกับประชาชนว่าพวกฝ่ายรัฐบาลไม่จริงใจ หากคุณทำเพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญจริง เพื่อแก้ปัญหาบ้านเมืองจริง คุณต้องไม่ทำเรื่องนี้ให้เป็นประเด็นการเมืองเท่านั้น พปชร.และ ส.ว.บางส่วนก็งดออกเสียงเพื่อล้มรัฐธรรมนูญทั้งที่วาระแรก-วาระสองเห็นชอบ เพราะช่วงนั้นกระแสม็อบเด็กกำลังแรง ช่วงนี้คุณรู้ว่าม็อบอ่อนแรงก็เลยถือโอกาสล้มรัฐธรรมนูญ
สรุปแล้วต่างคนต่างรู้กันทั้งสองฝ่ายแล้วจะให้ผมร่วมสังฆกรรมด้วยได้อย่างไร? วันนั้นทุกฝ่ายเล่นเกมการเมืองกัน..ผมถือว่าคนอย่างผมนักเลงครับ ไม่พูดอย่างทำอย่าง ผมยังถูกในพรรคว่าไม่บอกล่วงหน้าเลย พรรคภูมิใจไทยไม่มีการตีนโยบายสองหน้า ความจริงจะค่อยๆ ออกมาให้เห็น กรณีนายไพบูลย์ก็เรื่องของนายไพบูลย์..ผมไม่ยุ่งกับคนแก่เพราะอยู่นาน สำหรับนักการเมืองที่เปลี่ยนชื่อที่พ่อแม่ตั้งมาเพื่ออยากเป็นใหญ่ไม่มีราคาสำหรับผมครับผม
การวิพากษ์วิจารณ์ของพี่น้องประชาชนผมยอมรับครับ แต่ความจริงคือความจริง ผมถือว่าคนที่ลงมติเห็นด้วยของนายไพบูลย์คือผู้ที่มีส่วนสำคัญในการคว่ำการแก้ไขรัฐธรรมนูญ นี่คือความจริงที่เกิดขึ้น รวมกันเพื่อให้มีการลงมติ แต่เวลาลงว่ารับหรือไม่รับแยกกันลง เห็นด้วยบ้าง ไม่เห็นด้วยบ้าง งดออกเสียงบ้าง อยู่ในที่ประชุมไม่แสดงตนบ้าง..มันคืออะไร ฝ่ายค้านบางพรรคปากบอกแก้ๆ แต่ไม่อยากแก้ เพราะคุณมาได้ก็เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้
อย่ามาปากอย่างใจอย่าง ปากดีตีสองหน้า อย่าคิดว่าคนอื่นโง่ ผมชัดเจนคิดอย่างไรผมพูดอย่างนั้น ผิดถูกอะไรเป็นอีกเรื่องครับ”