พิษณุโลก - ชาวนาสาวใหญ่ร่ำไห้โฮโผกอด รมว.พม.ระหว่างเปิดเวที “ระเบิดความคิด จิตอาสา ภาษาพันชาลี” บอกเครียดหนักสามีป่วยติดเตียงหมดปัญญาใช้หนี้ ธ.ก.ส. แถมแบงก์ให้ลูกกู้ตัดยอดจนหนี้เพิ่มเป็นล้าน
วันนี้ (17 มี.ค. 64) นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เดินทางมาเป็นประธานเปิดเวที “ระเบิดความคิด จิตอาสา ภาษาพันชาลี” ที่ศาลาการเปรียญวัดหนองกาดำบำรุงธรรม ต.พันชาลี อ.วังทอง จ.พิษณุโลก เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับ “บวร” (บ้าน วัด โรงเรียน) ขับเคลื่อนชุมชนคุณธรรมน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง สร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนให้แก่ชุมชน
โดยมีหน่วยงานรัฐต่างๆ กว่า 20 หน่วยงาน เช่น กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย ร่วมออกหน่วยบริการเคลื่อนที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำบัตรผู้พิการ ฝึกอาชีพให้แก่ผู้ว่างงาน ฯลฯ
นายจุติกล่าวว่า สัปดาห์ที่ผ่านมาได้เดินทางไปจัดกิจกรรมและพบประชาชนที่ จ.ยะลา จ.ภูเก็ต ส่วนสัปดาห์นี้มาพิษณุโลก ส่วนสัปดาห์หน้าจะเดินทางไปจัดที่ จ.ยโสธร จ.อำนาจเจริญ จ.นครปฐม และภูมิภาคอื่นๆ ต่อไป
โอกาสนี้ รมว.พม.ได้มอบชุดอุปกรณ์และทุนประกอบอาชีพขายอาหารให้แก่แม่เลี้ยงเดี่ยว 1 ราย, มอบเงินอุดหนุนปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้พิการ 2 หลัง, มอบเงินอุดหนุนปรับสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยให้แก่ผู้สูงอายุ 2 หลัง, มอบทุนการศึกษาสำหรับครอบครัวเด็กที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนรายละ 1,000 บาท 120 ราย มอบเงินช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาความเดือดร้อนกลุ่มเปราะบาง จำนวน 122 ราย รายละ 2,000 บาท
โดยระหว่างได้เยี่ยมชมนิทรรศการและบูทของกลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยวที่ประสบปัญหาต่างๆ นั้น นางนงนุช เนียมหอม อยู่บ้านเลขที่ 19 หมู่ 7 ต.ท่าหมื่นราม อ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้ร้องไห้โผกอดนายจุติ พร้อมยื่นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่มีใจความระบุถึงปัญหาเรื่องหนี้สิน ธ.ก.ส.
ทั้งนี้ นายจุติได้นั่งรับฟังปัญหานางนงนุช ก่อนบอกว่าใจเย็นๆ รัฐบาลยินดีช่วยเพราะต้องการแก้ปัญหาเรื่องหนี้สินครัวเรือนอยู่แล้ว พร้อมกับสั่งการให้กับผู้ว่าฯ และนายอำเภอวังทองที่อยู่ใกล้ๆ ช่วยหาทางแก้ไข ทำให้นายนงนุชเริ่มสบายใจขึ้น แต่ก็ไม่หยุดร้องไห้
นางนงนุชเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ครอบครัวตนทำนา 65 ไร่ แต่เป็นเจ้าของที่ดินเพียง 10 ไร่ ที่ผ่านมาสามีได้นำที่ดินทั้ง 10 ไร่ไปค้ำประกันกู้เงิน ธ.ก.ส.สาขาวังทอง นำเงิน 7 แสนบาทมาใช้หมุนเวียนทำนา ซื้อรถยนต์มือสองและรถไถคูโบต้า ต่อมาสามีตนเกิดอุบัติเหตุถูกต้นไม้ล้มทับจนเดินไม่ได้ กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้เงินกู้ทั้ง 700,000 บาท เพราะไม่มีรายได้ใดๆ ตนบอกกับ ธ.ก.ส.ว่าจะยอมให้ยึดรถไป แต่ทาง ธ.ก.ส.ก็ไม่ยอม อ้างว่ารถยนต์เก่าแล้ว ต่อมาทางเจ้าหน้าที่ธนาคารฯ ยังแนะนำให้ลูกสาวตนกู้เงิน (อีกบัญชี) เพิ่มอีก 500,000 บาท ลักษณะเพื่อปิด/ลดยอดเงินกู้ของสามีตน (ยอดเงิน 7 แสน) ทำให้วันนี้ทั้งสองบัญชีไม่มีเงินผ่อนชำระ ส่วน ธ.ก.ส.ก็ยังไม่ทำอะไร ทำให้ตนเครียดไม่สบายใจ นอนไม่หลับ เพราะมียอดหนี้ ธ.ก.ส.ทั้งหมดกว่าล้านบาทแล้ว ไม่รู้จะไปพึ่งใคร หมดหนทางจริงๆ