เมื่อวันที่ 3 มี.ค. 64 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) โครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ระหว่าง 12 กระทรวง 1 หน่วยงาน เพื่อบูรณาการความร่วมมือในการช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางให้ครอบคลุมทุกมิติแบบองค์รวม ทำให้สามารถเข้าถึงสิทธิและสวัสดิการ รวมทั้งพัฒนาคุณภาพชีวิตและให้ครอบครัวมั่นคงมีความสุข สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน เพื่อลดความเหลื่อมล้ำและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กล่าวว่า สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ส่งผลกระทบเพิ่มขึ้นต่อทุกช่วงวัยและทุกกลุ่มอาชีพ โดยเฉพาะครัวเรือนเปราะบางที่เป็นครัวเรือนที่มีรายได้น้อย และมีบุคคลที่ต้องการได้รับความช่วยเหลือจากคนอื่น เช่น ครอบครัวยากจนที่มีเด็กเล็ก แม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ป่วยติดเตียง ผู้ที่มีปัญหาที่อยู่อาศัย ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของกระทรวง พม. โดยข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ปี 2562 พบว่า ครัวเรือนเปราะบาง มีจำนวน 4.1 ล้านครัวเรือน
การบูรณาการความร่วมมือในครั้งนี้ พม. จะสนับสนุนข้อมูลกลุ่มเปราะบาง เพื่อการวิเคราะห์และประเมินข้อมูลรายครัวเรือน รวมถึงวางแผนการให้ความช่วยเหลือและพัฒนาระบบการให้ความช่วยเหลือให้สามารถเข้าถึงสวัสดิการ โดยเชื่อมโยงการทำงานระดับพื้นที่ด้วยกลไกสหวิชาชีพ ร่วมกับอาสาสมัครพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (อพม.) 1 คน รับผิดชอบ 10 ครอบครัว
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวอย่างหนักแน่นว่า รัฐบาลจะบูรณาการกันอย่างจริงจัง และตนเองจะสนับสนุนให้การแก้ปัญหาความยากจนเกิดขึ้นได้อย่างเป็นรูปธรรม เร็วที่สุด "พวกเราคือทีมประเทศไทย หากเราเป็นหนึ่งเดียวกัน ไม่มีศึกใด ที่เอาชนะไม่ได้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
สำหรับหน่วยงานที่ลงนามความตกลง ประกอบด้วย สำนักนายกรัฐมนตรี (นร.) กระทรวงมหาดไทย (มท.) กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงกลาโหม (กห.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา(กก.) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (กษ.) กระทรวงพาณิชย์ (พณ.) กระทรวงแรงงาน (รง.) กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) และกรุงเทพมหานคร โดยบันทึกข้อตกลงความร่วมมือนี้ มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ลงนาม โดยมีกำหนดระยะเวลาความร่วมมือ 5 ปี (พ.ศ. 2564 – 2568)