นายกฯ เป็นประธานลงนามพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบาง ย้ำทุกคนคือ “ทีมประเทศไทย” บอกไม่มีศึกใดเอาชนะไม่ได้ถ้าร่วมมือ ขอสัญญาจะทำให้ดีที่สุด ทำเพื่อประเทศต้องสำเร็จ ลั่นสำเร็จหรือไม่ก็พร้อมรับผิดชอบ
วันนี้ (3 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการบูรณาการเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตกลุ่มเปราะบางรายครัวเรือน ระหว่าง 12 กระทรวง 1 หน่วยงาน ประกอบด้วย สำนักนายกรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงกลาโหม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงสาธารณสุข และกรุงเทพมหานคร โดยมีนายจุติ ไกรฤกษ์ รมว.พม. กล่าวรายงานถึงการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) และคณะผู้บริหาร เข้าร่วมงาน
โดย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวภายหลังเป็นประธานในพิธีฯ ว่า รัฐบาลตระหนักการแก้ไขปัญหาความยากจน ลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม การพัฒนาคุณภาพชีวิตของกลุ่มคนยากจนและกลุ่มเปราะบาง เพื่อที่จะลดความเหลื่อมล้ำและไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง จากสถานการณ์โควิด-19 รัฐบาลก็มีมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบต่างๆ ออกมา วันนี้เราคือทีมประเทศไทย ไม่มีศึกใดที่เราเอาชนะไม่ได้ถ้าเราร่วมมือกัน ร่วมพลังความรัก ความสามัคคีทุกอย่างแก้ได้ทั้งหมด ฝากให้ทุกกระทรวงหน่วยงานดูแลช่วยเหลือเพื่อให้กลุ่มเปราะบางได้เข้าถึงสวัสดิการของภาครัฐได้อย่างเสมอภาค เท่าเทียมกัน ทุกอย่างค่อยๆ เดินหน้าไป อาจจะช้าบ้างเร็วบ้าง มีปัญหาอยู่บ้าง ทุกอย่างต้องมีปัญหาในสิ่งที่ไม่เคยทำ
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทั้งนี้ เราต้องหาอาชีพให้กลุ่มเปราะบาง รวมถึงการดูแลกลุ่มผู้สูงอายุที่วันนี้เพิ่มซึ่งรัฐบาลพร้อมเต็มที่ในการดูแลเรื่องสุขภาพ โดยได้มีการตั้งศูนย์อำนวยการขจัดความยากจนและพัฒนาชนบทตาม ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (ศจพ.) ที่จะบูรณาการการช่วยเหลือจากทุกภาคส่วนให้มีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญคือ ทำให้ประชาชนเข้าถึงช่องทางมาตรการของรัฐบาล และสิทธิเขามีอะไรบ้าง รัฐบาลพูดไปหลายครั้งแต่ไม่ได้รับความสนใจจากสังคมทำให้เกิดปัญหามาโดยตลอด หลายคนไม่ทราบจนมีปัญหาออกสื่อ หาว่ารัฐบาลไม่ดูแล เรื่องนี้ขอเน้นย้ำทุกหน่วยงานขอให้ชี้แจงประชาชนให้เข้าใจว่าสิ่งที่เราให้เขาไปแล้วนั่นคือสิทธิของท่านตามรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลต้องดูแล แต่เขาต้องรักษาสิทธิของเขาด้วยตัวเอง หรือให้ญาติพี่น้องทำแทนให้ ไม่อย่างนั้นก็วุ่นไปหมดรัฐบาลไม่ได้มุ่งหวังไปลดเงินตรงนี้เลย ถ้าท่านยังมีสิทธิอยู่ ทุกคนมีสิทธิตราบใดที่ยังเป็นคนไทยอยู่
นายกฯ กล่าวว่า วันนี้โลกเปลี่ยนทุกวัน เราจะเห็นปัญหาในต่างประเทศ ปัญหาสำคัญที่สุดคือความมั่นคง มีเสถียรภาพของบ้านเมือง ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน ส่วนเรื่องการต่อต้านการทุจริตก็ต้องดำเนินการอย่างเข้มแข็ง เฉียบขาด เป็นสิ่งที่ตนย้ำเสมอ วันนี้ทุกคนคือทีมประเทศไทย 66 ล้านคน เราคือครอบครัวเดียวกัน ตนคิดว่าใช่ ตนรู้สึกอย่างนั้นเพราะต้องดูแลทุกคน เราต้องไปด้วยความเข้าใจซึ่งกันและกัน ดีกว่าที่จะไปหาเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ตำหนิติติงจนภาพใหญ่เสียหาย นั่นคือสิ่งที่ตนขอร้องเสมอมา ตนรับทุกอย่าง จะดีหรือไม่ดี ตนก็ต้องรับมาแก้ไข ถ้าดีอยู่แล้วก็ขอบคุณ ถ้าไม่ดีก็รับมาแก้ไข ย้ำเตือน ช่วยเหลือ นี่คือคำว่าทีมประเทศไทยสำหรับคนไทยเรียกว่าครอบครัวประเทศไทย
“ผมยินดีที่จะทำทุกอย่างให้แก่ท่าน นี่คือคำสัญญา เป็นคำสัญญาของผมว่าผมจะทำให้ดีที่สุดในขีดความสามารถที่ผมมีอยู่ และผมมีกำลังใจที่จะทำอยู่ด้วยความศรัทธาของผมเอง เพราะผมทำเพื่อคนอื่น เพื่อประเทศไทย มันต้องสำเร็จ ถ้ามันไม่สำเร็จ ผมก็ต้องรับผิดชอบ แต่ก็ดูสิว่าเป็นธรรมกับผมหรือไม่ แล้วผมทำอะไรมากน้อยเพียงใด ขอบคุณทุกคน และขอให้ทุกคนเฝ้ามองสิ่งดีๆ ที่เรากำลังทำให้ประชาชนให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง เพื่อให้ประชาชนมีความพึงพอใจมีความสุขและความเจริญไปด้วยกัน” นายกฯ กล่าว