เชียงราย/ท่าขี้เหล็ก - จังหวัดเชียงรายเตรียมแผนรับชาวพม่าทะลักหนีข้ามแดน หลังตำรวจ-ทหารเมียนมาลุยค้นกดดันทั้งชาวบ้าน-แกนนำ สกัดชุมนุมต่อต้านรัฐประหาร จนสื่อออนไลน์ท้องถิ่นต้องปิด สนง.หนีกบดานกันวุ่น
วันนี้ (13 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังกองทัพพม่าปราบปรามผู้ชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐประหารเมียนมาอย่างต่อเนื่องนั้น ล่าสุดทาง จ.เชียงราย ซึ่งอยู่ติดกับฝั่งท่าขี้เหล็ก สาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมา พร้อมด้วยหน่วยทหารในพื้นที่ คือ ฉก.ม.3 กองกำลังผาเมือง ร่วมกับมณฑลทหารบกที่ 37 ได้เตรียมแผนรองรับกรณีอาจมีชาวเมียนมาหลบหนีการปราบปรามเข้าสู่ประเทศไทยแล้ว
เบื้องต้นวางแผนจัดแบ่งผู้ที่อาจจะหลบหนีเข้ามาเป็น 4 ประเภท คือ กลุ่มชาวเมียนมาทั่วไปที่หลบหนีความรุนแรงเข้าไทย ไม่ใช่บุคคลสำคัญและเมื่อเหตุการณ์สงบแล้วสามารถกลับคืนสู่ประเทศไทยเมียนมาได้, บุคคลระดับแกนนำหรือผู้ที่ไม่สามารถกลับเมียนมาได้ แต่จะขอลี้ภัยไปยังประเทศที่ 3 ซึ่งทางการไทยก็จะจัดสถานที่ให้ตามหลักสิทธิมนุษยชนและติดต่อประเทศปลายทางว่าจะรับตัวไปหรือไม่
ส่วนชาวต่างชาติที่ไม่ใช่ชาวเมียนมาก็จะได้รับการช่วยเหลือเพื่อให้สามารถกลับประเทศได้ตามปกติ โดยไม่ได้รับอภิสิทธิ์ใดๆ และสุดท้ายคือผู้ที่อาจจะเข้ามาในฐานะคนไทยที่เคยอยู่ในประเทศเมียนมา ซึ่งก็จะได้รับการช่วยเหลือในฐานะคนไทยตามปกติ
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังและอุปกรณ์ตามแนวชายแดนไทย-เมียนมา ทั้งเขตป่าเขา ลำน้ำสาย-ลำน้ำรวก ป้องกันการหลบหนีเข้าเมืองอย่างเข้มงวดต่อเนื่องจากมาตรการป้องกันไวรัสโควิด-19 เหลือเพียงจุดผ่านแดนถาวรตรงสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ข้ามลำน้ำสายแห่งที่ 2 ที่ใช้เพื่อการขนส่งสินค้าเท่านั้น ซึ่งที่ผ่านมาก็ยังพบความพยายามลักลอบหลบหนีเข้าเมืองเป็นกลุ่มย่อยตามจุดต่างๆ อยู่เนืองๆ เช่นกัน
สำหรับสถานการณ์ในฝั่งท่าขี้เหล็ก พบว่าชาวเมียนมายังคงพยายามออกมาแสดงพลังเชิงสัญลักษณ์ต่อต้านรัฐประหารอย่างต่อเนื่อง แม้จะถูกปราบปรามหนักจนไม่สามารถรวมตัวกันเป็นกลุ่มใหญ่และเดินเป็นขบวนไปตามถนนในตัวเมืองได้เหมือนเดิม แต่ก็มีการรวมกันเป็นกลุ่มย่อยชูก 3 นิ้ว-ถือป้ายประท้วง ก่อนจะสลายตัวอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าหน้าที่เมียนมาเตรียมจะเข้าไปสลาย
แหล่งข่าวชาวเมียนมาในท่าขี้เหล็ก กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เริ่มย่ำแย่ลงจนอาจมีบางส่วนที่ทนรับสถานการณ์ไม่ไหว้แล้วหลบหนีเข้ามาลี้ภัยในประเทศไทยได้เช่นกัน เพราะหลังมีการปราบปรามการชุมนุมทางเจ้าหน้าที่ได้บุกเข้ายึดตามโรงพยาบาลที่เคยให้การสนับสนุนผู้ชุมนุมจนทำให้บุคลากรทางการแพทย์ พยาบาล สาธารณสุข หลบหนีไป ส่วนชาวบ้านก็ถูกตรวจสอบอย่างหนักโดยเฉพาะช่วงเวลากลางคืนจะมีตำรวจ-ทหารนำกำลังเข้าตรวจค้นบ้าน รวมทั้งตรวจหาบุคคลแปลกปลอมที่ไม่ใช่คนในพื้นที่ เพื่อกดดัน-ปราบปราม
นอกจากนี้ ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา ยังมีการออกติดตามจับกุมกลุ่มผู้สื่อข่าวท้องถิ่นที่นำเสนอข่าวการเคลื่อนไหวในการชุมนุม ทำให้เพจสื่อท้องถิ่นท่าขี้เหล็กหลายเพจนำเสนอข่าวสารอย่างยากลำบาก-ท่าขี้เหล็กนิวส์อเจนซี่ ก็ต้องปิดสำนักข่าวหนี หันไปใช้ข้อมูล-ภาพจากเครือข่ายผู้ชุมนุมส่งป้อนให้แอดมินที่หลบซ่อนตัวโพสต์เผยแพร่แทน