บุรีรัมย์ - ศึกษาธิการ จ.บุรีรัมย์ สั่งพักราชการและตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงครูคณิตฯ หื่นกระทำชำเราลูกศิษย์ ม.1 แล้ว หลังผลสืบข้อเท็จจริงมีมูล พร้อมส่งครูแนะแนวร่วมทีมนักจิตวิทยาเยียวยาสภาพจิตใจเด็ก และเรื่องการเรียน ขณะที่ตำรวจเร่งรวบรวมพยานหลักฐานสรุปสำนวนส่งอัยการ
วันนี้ (11 มี.ค.) ความคืบหน้ากรณีที่ผู้ปกครองชาวอำเภอกระสัง จ.บุรีรัมย์ นำหลักฐานคลิปวิดีโอที่ถูกแชร์ในสื่อสังคมออนไลน์ และข้อความแชตสนทนาที่ไม่เหมาะสมระหว่างครูประจำชั้นกับลูกสาวของตัวเอง เข้าแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.กระสัง ให้ดำเนินคดีต่อนายโอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ครูประจำชั้นและครูสอนวิชาคณิตศาสตร์โรงเรียนมัธยมชื่อดังแห่งหนึ่งในอำเภอกระสัง ที่หลอกล่อกระทำชำเรา ด.ญ.บี (นามสมมติ) ลูกสาวของตัวเองซึ่งเรียนอยู่ชั้น ม.1 ทั้งยังมีการแอบถ่ายคลิปขณะครูมีสัมพันธ์กับลูกสาวในห้องน้ำของโรงเรียน นำไปแชร์ในโลกโซเชียลมีเดียอีกด้วย สร้างความเสียหายให้แก่ลูกสาวของตัวเอง
กระทั่งวันที่ 10 มี.ค. นายโอ (นามสมมติ) อายุ 30 ปี ครูที่ถูกกล่าวหาได้เดินทางเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.กระสัง ให้การรับสารภาพทุกข้อกล่าวหาเพราะจำนนด้วยหลักฐาน โดยเบื้องต้นพนักงานสอบสวนแจ้งดำเนินคดี 3 ข้อหา “กระทำชำเราเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี โดยเด็กนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม, กระทำชำเราเด็กซึ่งเป็นลูกศิษย์ซึ่งอยู่ในความดูแล และพรากเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี ไปเสียจากบิดามารดาผู้ปกครอง และผู้ดูแล โดยปราศจากเหตุอันสมควร” ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อสรุปสำนวนคดีส่งพนักงานอัยการนั้น
ล่าสุดวันนี้ นางวิมลมาลย์ รินไธสง ศึกษาธิการจังหวัดบุรีรัมย์ เปิดเผยว่า หลังจากทางโรงเรียนได้สรุปผลการสืบข้อเท็จจริง ส่งมายังทางสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาต้นสังกัด ว่าครูที่ถูกกล่าวหามีมูลกระทำความผิดจริง ทางสำนักงานเขตมัธยมฯ ได้ทำเรื่องส่งมายังศึกษาธิการจังหวัด วันนี้ทางศึกษาธิการจังหวัดจึงได้มีคำสั่งให้ตั้งกรรมการสอบวินัยร้ายแรงและสั่งให้ครูคนดังกล่าวพักราชการไว้ก่อนโดยมีผลภายในวันนี้ ทั้งนี้ เพื่อให้การสอบวินัยร้ายแรงเป็นการโปร่งใสและเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย แต่หากผลการสอบวินัยพบว่าครูคนดังกล่าวกระทำความผิดจริงก็จะมีบทลงโทษตามระเบียบที่กำหนดไว้ คือ ไล่ออก หรือปลดออก ส่วนเรื่องคดีก็ว่ากันไปตามกระบวนการของทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ
นางวิมลมาลย์กล่าวอีกว่า นอกจากจะดำเนินการเรื่องวินัยแล้ว สิ่งที่เป็นห่วงคือสภาพจิตใจของเด็กผู้เสียหาย ซึ่งทางศึกษาธิการจังหวัดได้สั่งการให้ทางโรงเรียนจัดครูแนะแนว ร่วมกับทีมนักจิตวิทยาเข้าไปดูแลเยียวยาเรื่องสภาพจิตใจของเด็ก พร้อมทั้งดูเรื่องการเรียนควบคู่ไปด้วย ซึ่งช่วงที่เด็กยังไม่สามารถมาเรียนที่โรงเรียนได้ก็ให้ทำการเรียนการสอนที่บ้านก่อนชั่วคราวจนกว่าเด็กจะมีสภาพจิตใจที่ดีขึ้นจึงจะให้มาเรียนตามปกติ ทั้งนี้ เพื่อไม่ให้กระทบต่อผลการเรียนของเด็ก