อุบลราชธานี - ศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สตช.นำกำลังกองปราบปรามร่วมกับชุดสืบสวนจังหวัดอุบลราชธานีกระจายกำลังอายัดรถตามอู่ซ่อมรถในตัวจังหวัด ยึดรถยนต์กว่า 70 คัน เอกสารนับร้อยรายการตรวจสอบเชื่อมโยงกรณีนักต้มตุ๋นเอารถชาวบ้านมาขายเปลี่ยนสภาพ
สายวันนี้ (10 มี.ค.) พล.ต.ต.จิรภพ ภูริเดช รอง ผบช.สอบสวนกลาง พร้อม พ.ต.อ.บุญลือ ผดุงถิ่น ผกก.2 บก.ป. พ.ต.ท.สุรเชษฐ์ เดชะพันธ์ รอง ผกก.3 บก.ป. ชุดสืบสวนศูนย์ปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ตำรวจกองบังคับการตำรวจปราบปราม และชุดสืบสวนจังหวัดอุบลราชธานี กระจายกำลังนำหมายศาลจังหวัดอุบลราชธานี ลงวันที่ 10 มีนาคม 2564 เข้าตรวจสอบอู่ซ่อมรถยนต์ในตัวจังหวัดรวม 5 แห่ง
ประกอบด้วย ตวงทองยนต์ ตั้งอยู่เลขที่ 49/10 ถนนวาริน-ศรีสะเกษ ต.คำน้ำแซบ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พร้อมอายัดรถที่นำมาซ่อมทั้ง 22 คัน แผ่นป้ายทะเบียน 26 แผ่น อู่วิรัตน์ และอู่ P&N อะไหล่ยนต์ ซึ่งเป็นเครือข่ายอู่วิรัตน์ ตั้งอยู่ใกล้กันที่ริมถนนอำเภอเมือง-ตาลสุม ตำบลกุดตลาด อำเภอเมืองอุบลราชธานี ที่อู่วิรัตน์อายัดรถยนต์ 16 คัน แผ่นป้ายทะเบียน 28 แผ่น เล่มทะเบียนรถยนต์ 63 เล่ม เล่มทะเบียนรถจักรยานยนต์ 6 เล่ม
ส่วนอู่ P&N อะไหล่ยนต์ ก็อายัดรถยนต์ 25 คัน สมุดคู่มือจดทะเบียน 18 เล่ม แผ่นป้ายทะเบียน 10 หมายเลข แผ่นป้ายแสดงการเสียภาษี 8 แผ่น อู่ช่างจอย ตั้งอยู่เลขที่ 186 บ้านขามใหญ่ หมู่ 1 ตำบลขามใหญ่ อำเภอเมืองอุบลราชธานี อายัดรถยนต์ไว้จำนวน 7 คัน
สุดท้ายอู่นายปองวุฒิ กับนายพุทธรักษ์ นาริวงษ์ สองพี่น้องไม่มีเลขที่ตั้งอยู่ริมถนนชยางกูร ต.ม่วงสามสิบ อ.ม่วงสามสิบ จ.อุบลราชธานี อายัดรถอีก 2 คัน รวมมีการอายัดรถทั้ง 5 อู่ไปตรวจสอบรายละเอียดของตัวรถ รวมทั้งป้ายทะเบียนตรงกับสมุดคู่มือประจำรถที่เจ้าของรถได้ครอบครองไว้ในขณะนี้หรือไม่ จำนวนทั้งสิ้น 72 คัน สมุดคู่มือรถ แผ่นป้ายทะเบียน อีกกว่า 100 รายการ
ทั้งนี้ สืบเนื่องจากที่นายอภิเดช หรือหรั่ง บำรุงรุ่งเรือง อายุ 45 ปี ชาวบ้านโนนสวรรค์ หมู่ 3 ต.บึงเกลือ อ.เสลภูมิ จ.ร้อยเอ็ด ซึ่งจับได้ในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ข้อหาฉ้อโกงของศาลจังหวัดยโสธร
หลังนำตัวนายอภิเดช หรือหรั่ง มาทำการสอบสวนปากคำ พบว่านายอภิเดชยังมีหมายจับในข้อหาฉ้อโกงในพื้นที่จังหวัดร้อยเอ็ด มหาสารคาม ยโสธร ตั้งแต่ปี 2555 มาจนถึงปัจจุบันรวม 24 คดี โดยนายอภิเดช มีพฤติการณ์คือ ออกตระเวนกล่าวอ้างตัวเป็นเจ้าของเต็นท์ขายรถมือสอง
พร้อมบอกจะให้การช่วยเหลือชาวบ้านที่ค้างการชำระค่างวดรถ โดยจะขอซื้อดาวน์แล้วเปลี่ยนสัญญานำรถไปขายต่อเพื่อไม่ให้เจ้าของรถที่ค้างชำระค่างวดรถเสียประวัติ แถมยังมีเงินส่วนต่างเหลือไปใช้จ่ายนิดหน่อยด้วย ชาวบ้านพากันหลงเชื่อขายรถให้ไป แต่หลังจากนั้นไม่นานก็ถูกไฟแนนซ์ติดตามทวงถามที่ไม่ส่งค่างวดรถจึงรู้ว่าถูกหลอก เมื่อติดตามเอารถจากนายอภิเดชก็บอกว่ารถไม่อยู่แล้ว จึงพากันเข้าแจ้งความดำเนินคดีต่อนายอภิเดช
จากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ทราบว่านายอภิเดชได้นำรถที่ได้มาจากผู้เสียหายไปขายต่อในตลาดมืด เพื่อเปลี่ยนแปลงสภาพ ก่อนนำส่งไปขายต่อตามที่ต่างๆ จึงได้ตระเวนติดตามหารถที่นายอภิเดชต้มตุ๋นมาจากชาวบ้าน และได้ขอหมายศาลจังหวัดอุบลราชธานีเข้าตรวจค้นตามอู่ต่างๆ ในจังหวัดอุบลราชธานี และสั่งอายัดรถไว้ตรวจสอบดังกล่าว