ท่าขี้เหล็ก - ประท้วงต้านรัฐประหารเมียนมาในท่าขี้เหล็กเดือด..หลังผู้ชุมนุมเริ่มรวมตัวตามนัดหยุดงานชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศ ทั้ง ตร.-ทหารพม่าระดมกำลังสกัด เสียงปืนดังสนั่นกลางเมือง คาดยิงขู่พร้อมไล่จับ จนผู้ประท้วงหนีตายกันวุ่น
วันนี้ (8 มี.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการชุมนุมต้านรัฐประหารเมียนมาใน จ.ท่าขี้เหล็ก ตรงข้าม อ.แม่สาย จ.เชียงราย ได้กลับมาทวีความดุเดือดร้อนแรงอีกครั้ง หลังชาวเมืองท่าขี้เหล็กถูกทหาร-ตำรวจเมียนมากดดันปิดถนน ตรึงกำลังในโรงพยาบาลท่าขี้เหล็ก จนไม่สามารถรวมตัวชุมนุมกันได้มาหลายวัน ได้ออกมารวมตัวเป็นกลุ่มๆ บนถนนนายพลอองซาน ใจกลางเมือง ตามนัดหยุดงานชุมนุมใหญ่ทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 8-18 มี.ค.
แต่ก่อนที่มวลชนจะถือป้ายเคลื่อนขบวนประท้วงไปตามถนน ทางตำรวจได้มีการระดมพลกันเป็นจำนวนมากกว่าทุกครั้งและได้เข้าปิดกั้นไม่ให้ขบวนเคลื่อนไปข้างหน้าได้ ทำให้ทั้งสองฝ่ายเกิดการเผชิญหน้ากันขึ้น โดยกลุ่มผู้ชุมนุมที่มีบางส่วนเป็นพระภิกษุได้เข้าไปเจรจากับเจ้าหน้าที่
ขณะที่สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นอีก เมื่อฝ่ายทหารได้นำรถบรรทุกลำเลียงกำลังพลนำกำลังเข้าไปบริเวณที่ชุมนุม โดยเจ้าหน้าที่แจ้งให้กลุ่มผู้ชุมนุมได้สลายตัวไปโดยเร็ว ขณะที่กลุ่มผู้ชุมนุมต้องการแสดงพลังเพื่อต่อต้านการรัฐประหารของกองทัพเมียนมา และสนับสนุนพรรคสันนิบาตเพื่อประชาธิปไตย หรือ NLD ที่นำโดยนางอองซาน ซูจี
ล่าสุดมีรายงานว่าเจ้าหน้าที่ทั้งตำรวจและทหารเมียนมาได้พยายามเข้าขับไล่และจับกุมแกนนำรวมทั้งผู้ที่ฝ่าฝืนคำสั่ง จนทำให้เกิดความโกลาหลกันขึ้นและมีการใช้ปืนยิงขึ้นฟ้าหลายนัดเพื่อข่มขู่ ก่อนมีการวิ่งไล่จับกันท่ามกลางกลุ่มผู้ชุมนุมจำนวนมากที่พากันวิ่งหนีกันอย่างโกลาหล รวมทั้งมีรายงานว่าเด็กชายอายุ 11 ขวบที่อยู่ในกลุ่มผู้ชุมนุมได้สูญหายระหว่างเหตุการณ์ชุลมุน อย่างไรก็ตามยังไม่มีรายงานว่ามีการใช้กระสุนปืนและปะทะรุนแรงกันหรือไม่
ทั้งนี้ จ.ท่าขี้เหล็กมีการประกาศให้ใช้มาตรการห้ามออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิวในเวลา 20.00-06.00 น. และมีการเสริมกำลังติดอาวุธเข้าไปควบคุมฝูงชนในตัวเมืองเป็นจำนวนมาก
ขณะทหารได้เข้ายึดโรงพยาบาลของรัฐในท่าขี้เหล็กซึ่งมีอยู่ 2 แห่ง คือ โรงพยาบาลใหม่และเก่า รวมทั้งโรงพยาบาลเอกชนอีก 1 แห่งไว้เป็นฐานปฏิบัติการ รวมทั้งยับยั้งไม่ให้บุคลากรแพทย์และพยาบาลที่เคยสนับสนุนการชุมนุมได้ออกมาเคลื่อนไหว และตรวจสอบโทรศัพท์มือถือของทุกคนที่มีการบันทึกภาพเกี่ยวกับการใช้ความรุนแรงหรือปลุกเร้ามวลชนในประเทศเมียนมาด้วย