กาญจนบุรี - รมช.เกษตรฯ นำทีมเยี่ยมชายแดนพุน้ำร้อน หลังเจอปลาหมึกกล้วยด้วยตนเองถึงกับชอบ เพราะตัวใหญ่แถมมีมาก พร้อมส่งเสริมให้นำเข้า ส่วนหอมแดง ต้องลดจำนวนลง เพราะไม่เสียภาษีหวั่นกระทบหอมไทย
วันนี้ (5 มี.ค.) นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และคณะประกอบด้วย นายอาชว์ชัยชาญ เลี้ยงประยูร อธิบดีกรมการข้าว นายสุรเดช สมิเปรม รองอธิบดีกรมปศุสัตว์ นานวิวัฒน์ ไชยชะอุ่ม ผอ.กองส่งเสริมและพัฒนาการปศุสัตว์ ลงพื้นที่จุดผ่านแดนถาวรบ้านพุน้ำร้อน หมู่ 12 ต.บ้านเก่า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี เพื่อตรวจเยี่ยมด่านกักกันสัตว์ และรับฟังการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ห้องประชุม 1 สำนักงานศุลกากรบ้านพุน้ำร้อน
โดยมีร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี นายอิศเรศ รุ่งเรืองชนบท นายด่านศุลกากรสังขละบุรี นายสุรัตน์ นุ้ยป้อม ธนารักษ์จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พื้นที่จังหวัดกาญจนบุรี เข้าร่วม โดยใช้เวลากว่า 1 ชั่วโมงจึงแล้วเสร็จ
จากนั้นคณะนายประภัตร โพธสุธน เดินทางต่อไปยังนิคมอุตสาหกรรมพุน้ำร้อน และไปติดตามการขนย้ายสินค้านำเข้าและส่งออกแบบท้ายชนท้ายที่กองร้อยทหารพรานที่ 1111 บ้านพุน้ำร้อน ติดกับบ้านทิกิ ประเทศพม่า ซึ่งนายประภัตร โพธสุธน ได้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก
พร้อมกับได้สอบถามผู้ประกอบการและคนงานที่กำลังขนย้ายสินค้าอยู่บนรถ ซึ่งมีทั้งปลาหมึกกล้วยแช่แข็งสดจากทะเลเมืองทวายที่นำเข้าและนำไปจำหน่ายในพื้นที่แม่กลองรวมทั้งสินค้าการเกษตรประเภทหอมแดงจากประเทศพม่าด้วย
โดยนายประภัตร โพธสุธน กล่าวว่า หลังจากที่ได้เห็นการส่งสินค้าที่บริเวณชายแดนแล้วน่าสนับสนุนเพราะเป็นสินค้าที่เราต้องการ เช่น หมึกกล้วย เพราะทะเลทางบ้านเรามีจำนวนน้อย อีกทั้งปลาหมึกกล้วยนั้นค่อนข้างตัวใหญ่อย่างที่เห็น และมีเป็นจำนวนมากแต่ราคาถูกจึงสามารถสนับสนุนให้นำเข้าได้ ส่วนหอมแดงเขาบอกว่านำเข้าโดยไม่ต้องเสียภาษี มันจึงมีผลกระทบต่อหอมไทยพอสมควร ซึ่งได้บอกไปแล้วว่าอย่าให้นำเข้ามากจนเกินไป
หลังจากกล่าวแล้วเสร็จ นายประภัตร โพธสุธน พร้อมคณะจึงเดินทางไปตรวจราชการต่อที่บ้าน ช.ช้างชรา ต.วังด้ง อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ใช้เวลาตรวจเยี่ยมประมาณ 30 นาที จากนั้นเดินทางไปตรวจเยี่ยมกลุ่มผู้ปลูกพืชอาหารสัตว์และเลี้ยงโคเนื้อบ้านห้วยขาด ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี
ทั้งนี้ นายประภัตร โพธสุธน รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่าวันนี้มาตรวจเยี่ยมด่านศุลกากรและด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อน มองจากภาพรวมแล้วในอนาคตด่านแห่งนี้จะมีความสำคัญที่สุด ซึ่งจะเป็นด่านถ่ายสินค้าระหว่างประเทศได้เป็นอย่างดีเพราะส่งต่อไปยังแหลมฉบังได้ง่าย การที่ได้มาดูในวันนี้พบว่าด่านปิดทั้งหมด เนื่องมาจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 และสถานการณ์ทางการเมืองของประเทศเพื่อนบ้าน
“ในภาพรวมขณะนี้ผมคิดว่ามีประโยชน์อย่างยิ่งในการที่จะนำสินค้าส่งออกไปยังประเทศพม่า และนำสินค้าจากพม่าเข้ามา เช่น สินค้าทางด้านปศุสัตว์ที่มีทั้งวัว แพะ และแกะ รวมทั้งปลาทะเล ซึ่งสินค้าประเภทนี้เป็นหัวใจสำคัญและมีเป็นจำนวนมากเพราะอยู่ใกล้กับทะเล รวมทั้งยังมีพืชผักผลไม้ที่มีทั้งนำเข้าและส่งออก สิ่งเหล่านี้ผมมองว่าจะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งของด่านพุน้ำร้อนแห่งนี้”
ต่อไปในอนาคต รวมถึงนิคมอุตสาหกรรมจะเป็นแหล่งใหญ่ที่สุดของประเทศ สามารถที่จะสร้างรายให้พี่น้องประชาชนอย่างมั่นคง แต่ขณะนี้ตัวเลขการนำเข้าส่งออกยังมีน้อยเพระเกิดจากสถานการณ์ที่กล่าวไปแล้ว แต่ยังยืนยันว่าหลังจากสิ้นสุดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ไปแล้ว และเมื่อด่านสามารถกลับมาเปิดเป็นปกติได้ สินค้าต่างๆ ก็คงจะเข้ามาตามเส้นทางนี้มากที่สุด แต่ต้องไปแบ่งกับด่านที่แม่สอดและระนองตามที่ท่านรองผู้ว่าราชการจังหวัดได้ชี้แจงให้ฟัง
ด้านร้อยโททศพล ไชยโกมินทร์ รอง ผวจ.กาญจนบุรี กล่าวว่า เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าด่านพุน้ำร้อน มีพื้นที่เป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจากการที่ได้บรรยายสรุปให้ท่านรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรฯ ฟัง ท่านได้มีความเห็นเห็นว่า ปัญหาของพื้นที่เขตเศรษฐกิจ สิ่งแรกที่เราจะต้องเร่งพัฒนาคือโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเราจะต้องเร่งพัฒนาเรื่องนี้ให้เสร็จเสียก่อน เพื่อทำให้เกิดแรงกระตุ้นทางเศรษฐกิจเพื่อให้ผู้ค้าและผู้ขายเข้ามาใช้ประโยชน์ในพื้นที่แห่งนี้ นี่คือขั้นตอนอันดับแรก
อันดับที่สองคือในเรื่องของการเกษตร เมื่อพื้นที่เสร็จสมบูรณ์แล้วพร้อมที่จะส่งออก ท่านประภัตร มองว่า ในเรื่องของการเกษตรจะต้องมีการพัฒนาควบคู่กันไป โดยเฉพาะในเรื่องของพืชเศรษฐกิจ ในเรื่องของปศุสัตว์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อเราจะพัฒนาแล้วมันจะต้องมีแหล่งน้ำ
จึงได้มีการสั่งการให้กรมชลประทานให้เข้ามาสำรวจหาแหล่งน้ำในพื้นที่แห่งนี้เพื่อที่จะรองรับการเกษตรของเรา ถ้าสำเร็จ เชื่อว่าตรงนี้จะเป็นศูนย์กลางในเรื่องของการส่งออกและนำเข้า เพราะพื้นที่ด่านถาวรบ้านพุน้ำร้อนแห่งนี้จะได้เปรียบ ซึ่งแต่เดิมประเทศเพื่อนบ้านของเรามีการค้าขายส่งออกทางด่านแม่สอดซึ่งมีระยะทางที่ห่างไกลกว่าพื้นที่ของเรา อีกส่วนหนึ่งคือมาการส่งออกทางด้านด่านสิงขร
เชื่อว่าถ้าเส้นทางระหว่างทวายกับพุน้ำร้อนสร้างเสร็จอย่างสมบูรณ์การเดินทางสะดวก เขาสามารถนำสินค้าเข้า กทม.ในระยะทางที่ใกล้กว่าที่อื่น เพราะฉะนั้นเมื่อถนนหนทางสะดวกผลที่จะตามมาคือทางด้านเศรษฐกิจ เพราะการค้าขายจะสะดวกมากขึ้น