ศูนย์ข่าวศรีราชา - “สนธยา” โต้เพจ Pattaya Future โพสต์ข้อความสร้างความเสียหายภาพลักษณ์ท่องเที่ยวพัทยา แพร่ภาพเปรียบเทียบหาดบางแสน-พัทยา ถามเอาสมองส่วนไหนคิด ชี้ไม่รู้ข้อมูลให้มาถาม
วันนี้ (22 ก.พ.) นายสนธยา คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ได้ออกมาตอบโต้เพจ Pattaya Future-พัทยาฟิวเจอร์ ที่ได้โพสต์ข้อความเมื่อวันที่ 21 ก.พ.ที่ผ่านมา ระบุเนื้อหาโจมตีการทำงานของนายกเมืองพัทยา พร้อมตั้งข้อสงสัยว่าเหตุใดชายหาดบางแสนจึงมีผู้คนเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก แต่เมืองพัทยากลับไร้ซึ่งนักท่องเที่ยว
โดยข้อความบางส่วนระบุว่า “สงสัยเหมือนผมมั้ย? ทำไมบางแสนคนไปเที่ยวกันถล่มทลายแต่พัทยาเงียบกริบ มันก็เหมือนอะไร รู้มั้ยครับ? เพราะอันนั้นคือบ้านเค้า ส่วนพัทยามันคือแหล่งโกยเงินของเค้าไม่แปลกที่เค้าจะทำบ้านเค้าให้ดี ไม่แปลกที่เค้าจะโปรโมตบ้านเค้าให้ดี เพราะมันคือ “บ้านของเค้า” ถนนหนทางบ้านเราทำแล้วทำอีก”
และเนื้อหาบางตอนยังเรียกร้องให้ชาวพัทยาตาสว่าง และไม่ควรให้ใครเข้ามาหาผลประโยชน์นั้น
นายสนธยา เผยว่า การลงข้อความในลักษณะดังกล่าวเชื่อว่าเป็นเพราะผู้โพสต์ข้อความไม่ทราบถึงความแตกต่างระหว่างพื้นที่บางแสน และเมืองพัทยาว่ากลุ่มนักท่องเที่ยวของชายหาดบางแสน ประมาณ 95% เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย
ส่วนพัทยา มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ซึ่งในแต่ละปีเมืองพัทยา มีตัวเลขนักท่องเที่ยวไม่ต่ำกว่า 15 ล้านคน แบ่งเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 10 ล้านคน และชาวไทย 5 ล้านคน
"กรณีที่เพจดังกล่าวได้นำภาพรถติดบริเวณชายบางแสน มาเผยแพร่เพื่อเป็นการตอกย้ำความเงียบเหงาของเมืองพัทยาโดยได้นำภาพรถติดบริเวณชายหาดบางแสนในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ มาลงนั้นถือเป็นเรื่องปกติ แต่หากมองถึงตัวเลขในภาพรวมของชายหาดบางแสนในแต่ละปี จะพบว่ามีนักท่องเที่ยวรวมประมาณ 3 ล้านคน และเกือบทั้งหมดเป็นตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทย แต่เมืองพัทยา ตลาดหลักเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติซึ่งหลังการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เมืองพัทยา ได้มีการปรับแผนรองรับตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยให้เพิ่มมากขึ้น"
ทั้งนี้ นายสนธยา เผยว่า หากเพจดังกล่าว ได้ติดตามการดำเนินงานของเมืองพัทยาอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีอคติมากจนเกินไป ย่อมจะทราบถึงแนวทางการทำงานของเมืองพัทยา และหากผู้โพสต์ข้อความเป็นคนที่ทราบข้อมูลต่างๆ เป็นอย่างดี ย่อมรู้ว่าก่อนหน้านี้ถนนบริเวณชายหาดบางแสนก็เคยมีการก่อสร้างมาแล้วหลายรอบก่อนจะกลายเป็นถนนเส้นใหญ่ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ เช่นปัจจุบัน
และที่สำคัญก่อนจะเกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอก 2 เมืองพัทยา ได้มีการวางแผนเปิดตลาดนักท่องเที่ยวชาวไทยในหลากหลายรูปแบบเพื่อให้เข้ามาทดแทนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ไม่สามารถเดินทางเข้ามาในประเทศได้ เช่น การขยายพื้นที่จอดรถและอาคารจอดรถบริเวณตลาดลานโพธิ์ นาเกลือ และอีกในหลายส่วนของเมืองพัทยา
“ไม่ทราบว่าผู้ที่โพสต์ข้อความในเพจดังกล่าวใช้สมองส่วนใดคิด ที่สำคัญยังเป็นการสร้างความแตกแยกและความเสียหายต่อเมืองพัทยา ที่สำคัญในการทำงานไม่มีบ้านเขา บ้านเรา และที่ผ่านมาก็หาแนวทางในการพัฒนาเมืองพัทยา ให้มีความเจริญอย่างต่อเนื่อง และที่ผ่านมา ได้พยายามจัดกิจกรรมกระตุ้นตลาดคนไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น เทศกาลพลุนานาชาติ เทศกาลดนตรีเมืองพัทยาเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ”
นายสนธยา ยังเรียกร้องให้ผู้ที่เผยแพร่ข้อความในเพจดังกล่าวเข้ามาสอบถามข้อมูลการพัฒนาเมืองพัทยากับตนเองโดยตรง และไม่ควรที่จะโพสต์ข้อความโดยไม่ทราบข้อเท็จจริง
และหลังจากนี้จะพิจารณาข้อความต่างๆที่โพสต์ลงในเพจ Pattaya Future-พัทยาฟิวเจอร์ ซึ่งหากพบว่ามีส่วนใดส่วนหนึ่งผิดกฎหมายก็จะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายทันที เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายต่อเมืองพัทยา
และอนาคตอาจจะมีการจัดรายการ “ลุงแป๊ะทอล์ก” เพื่อประชาสัมพันธ์ข้อมูลต่างๆ ของเมืองพัทยา ป้องกันการเข้าใจผิดอีกด้วย
