กาญจนบุรี - อธิบดีกรมบาดาล เตือนประชาชนห้ามนำน้ำพุโซดาที่ขุดพบไปดื่มหรือผสมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ หวั่นอันตรายจากสารเจือปน ให้รอผลพิสูจน์จากห้องแลปก่อน คาด 1 อาทิตย์รู้ผล ด้าน ผู้ว่าฯ กาญจน์ โพสต์เฟซนำน้ำมาแช่เย็นทดสอบ ผลจากน้ำที่ใสกลายเป็นสีขุ่น แนะ ห้ามดื่ม
จากกรณีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยนายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อ มอบหมายให้นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล นายเกรียงศักดิ์ ภิระไร ผู้อำนวยการสำนักสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล น.ส.อัคปศร อัคราช ผู้อำนวยการส่วนวิจัยและพัฒนางานสำรวจน้ำบาดาล พร้อมคณะ ลงสำรวจพื้นที่เจาะบ่อน้ำบาดาลเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในพื้นที่ ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา จ.กาญจนบุรี
โดยเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาล สามารถเจาะบาดาลในพื้นที่หมู่ 12 บ้านพะยอมงาม ได้ จำนวน 4 บ่อ ปริมาณน้ำที่พัฒนาได้ จำนวน 52 ลบ.ม./ชม. และที่หมู่ 19 บ้านทุ่งคูณ ต.ห้วยกระเจา อีกจำนวน 2 บ่อ ปริมาณน้ำที่พัฒนาได้ 66 ลบ.ม./ชม.คิดปริมาตรรวมกว่า 1,700,000 ลบ.ม./ปี ประชากรจะได้รับประโยชน์ จำนวน15 หมู่บ้าน 7,000 กว่าครัวเรือน พื้นที่เกษตร 6,000 ไร่
แต่สิ่งที่สร้างความฮือฮาที่สุดคือ พบว่ารสชาติน้ำที่พุ่งออกมาจากบ่อบาดาล บริเวณหมู่ 19 บ้านทุ่งคูณ มีรสชาติซ่าคล้ายกับโซดา และที่ผ่านมา มีประชาชนที่ทราบข่าวได้ไปพิสูจน์รสชาติมาแล้ว ในขณะเดียวกัน ขณะนี้เจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้นำตัวอย่างของน้ำไปพิสูจน์ในห้องแล็บเพื่อหาสิ่งปนเปื้อน ขณะนี้อยู่ระหว่างการรอผลตรวจ
ล่าสุด วันนี้ (12 ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อข่าวที่พบแหล่งน้ำแร่โซดาเผยแพร่ออกไปทางสื่อต่างๆ ได้มีประชาชนทั้งในพื้นที่และต่างจังหวัดเดินทางไปยังจุดพบน้ำพุโซดากันเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ชมได้ แต่ไม่อนุญาตให้นำน้ำกลับไปดื่ม เพราะอยู่ระหว่างการรอผลการตรวจวิเคราะห์จากห้องปฏิบัติการที่แน่ชัดเสียก่อนว่ามีสารอันตรายเจือปนอยู่หรือไม่ ซึ่งคาดว่าประมาณ 1 สัปดาห์จะทราบผล
สำหรับพื้นที่ที่พบพุน้ำโซดา เป็นพื้นที่คาบเกี่ยวระหว่างหมู่ 19 บ้านทุ่งคูณ ต.ห้วยกระเจา อ.ห้วยกระเจา และหมู่ที่ 12 บ้านสระตาโล ต.บ่อพลอย อ.บ่อพลอย ทางนายอำเภอบ่อพลอย จึงได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบกรณีดังกล่าว
สำหรับผลจากการขุดเจาะจำนวน 3 บ่อ ห่างกันประมาณ 200 เมตร แต่ละบ่อขุดที่ความลึกประมาณ 250 เมตร พบว่า บ่อที่ 2 และบ่อที่ 3 มีน้ำพุ่งขึ้นสูงจากพื้นดินประมาณ 3 เมตร ลักษณะน้ำเป็นน้ำเย็น รสชาติเหมือนโซดา (ไม่ซ่า) ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่ามีสารไบคาบอร์เนต (โซดา) ไม่น่าจะมีอันตรายใดๆ
แต่อย่างไรก็ตาม กรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้นำน้ำดังกล่าวไปวิเคราะห์ตรวจหาสารต่างๆ หากพบว่ามีอันตราย กรมทรัพยากรน้ำอาจจะสั่งการให้ปิดบ่อในทันที แต่หากไม่อันตรายก็จะนำไปทำระบบน้ำประปาให้ประชาชนได้ใช้ต่อไป พร้อมกันนี้ ได้ประสาน สภ.บ่อพลอย จัดกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจดูแลการจราจร เนื่องจากมีประชาชนเข้ามาเที่ยวชมจำนวนมาก อีกทั้งยังให้ อบต.บ่อพลอย จัดทำป้ายเตือนห้ามนำน้ำไปรับประทานเพราะอาจเกิดอันตรายมาติดตั้งไว้ เพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบด้วย
ทั้งนี้ นายสิริพงศ์ สืบเนียม อดีตนายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลห้วยกระเจา เปิดเผยว่า นายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มีความเป็นห่วงพี่น้องประชาชน จึงขอแจ้งว่ายังไม่อนุญาตให้มาตักน้ำจากแหล่งพุน้ำนี้ไปดื่มกิน เนื่องจากขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการ ว่ามีสารหนักสารเบาอะไรปนเปื้อนอยู่ในน้ำบ้างหรือไม่
ขณะนี้ประชาชนกำลังตื่นเต้นกับแหล่งน้ำที่พบ เนื่องจากเป็นสิ่งที่ทำให้หลายคนประหลาดใจ จึงพากันเดินทางมาเที่ยวชมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งทางเจ้าหน้าที่อนุญาตให้ชมได้ แต่ยังไม่อนุญาตให้นำน้ำกลับไปดื่มกิน หรือนำไปผสมกับเครื่องดื่มต่างๆ เพราะเกรงว่าจะเกิดอันตรายต่อร่างกายได้
แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากที่ทราบผลทางกรมทรัพยากรน้ำบาดาล จะได้แถลงข่าวเพื่อให้ประชาชนทราบต่อไป ซึ่งคาดว่าอีกประมาณ 1 สัปดาห์จะทราบผล ดังนั้น ขอให้ประชาชนปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ด้วย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้จัดเวรยามเฝ้าแหล่งน้ำพุตลอด 24 ชม. เพื่อดูแลพื้นที่ดังกล่าวแล้ว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ล่าสุด วันนี้ (12 ก.พ.) นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี ได้โพสต์เฟซบุ๊กเพื่อประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้รับทราบกรณีมีผู้ลองดื่มน้ำพุโซดา ด้วยความเป็นห่วง ระบุว่า
“ตามที่ได้มีข่าวและทุกท่านได้รับทราบแล้วว่ากรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้ขุดพบแหล่งน้ำใต้ดินจำนวนมหาศาลที่เขตอำเภอบ่อพลอยติดกับห้วยกระเจา ซึ่งเป็นความหวังสำหรับพี่น้องประชาชนของอำเภอห้วยกระเจาและอำเภอใกล้เคียงว่าต่อไปความแห้งแล้งและการขาดแคลนน้ำในพื้นที่บริเวณดังกล่าวจะลดลงเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ต้องรอผลการวิเคราะห์ที่กรมทรัพยากรน้ำกำลังดำเนินการ หากสามารถใช้อุปโภคบริโภคหรือการเกษตรได้ก็เป็นเรื่องที่น่ายินดี”
แต่อย่างไรก็ตาม ตามที่มีการเสนอข่าวว่ารสชาติคล้ายโซดาและประชาชนบางท่านได้ลองเอามาผสมสุราดื่มหรือดื่มลองชิมดูนั้น ขอให้งดการกระทำดังกล่าว เพราะเมื่อวานนี้ได้ เก็บตัวอย่างน้ำมาดู ซึ่งเมื่อเก็บไว้ข้ามคืนน้ำเปลี่ยนสีเป็นขุ่นๆ ออกน้ำตาลและมีกลิ่น จึงคิดว่าไม่น่าจะเป็นผลดีต่อสุขภาพของผู้ที่นำไปดื่มหรือลอง จึงขอให้งดและรอผลของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลก่อนว่าจะต้องมีกระบวนการใดๆ ก่อนที่จะนำน้ำมาใช้ประโยชน์