ศูนย์ข่าวขอนแก่น - ครูดอกเตอร์เครียดถูกตำรวจสอบปากคำหลังถูกจับหลอกสวมสิทธิโครงการคนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน รับสารภาพทำคนเดียวเพราะลงทะเบียนโครงการทำไม่ยาก ด้านผู้การฯ เผยคดีไม่ซับซ้อน แต่รายละเอียดมีมากต้องทำสำนวนให้รอบคอบ และต้องสอบมีบุคคลอื่นร่วมด้วยหรือไม่
พล.ต.ต.พุฒิพงษ์ มุสิกูล ผบก.ภ.จว.ขอนแก่น เปิดเผยถึงการสอบปากคำ ว่าที่ ร.ต.ดร.ภูผาภูมิ โมรีย์ ครูประจำโรงเรียนแห่งหนึ่งใน อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดขอนแก่น กรณีหลอกสวมสิทธิบัตรประชาชนของชาวบ้านหลายสิบรายในโครงการคนละครึ่ง และเที่ยวด้วยกัน ว่าผู้ต้องหามีอาการเครียดอย่างเห็นได้ชัด แต่โดยรวมยังให้การที่เป็นประโยชน์ต่อรูปคดี รับสารภาพว่าทำคนเดียว ไม่ได้มีบุคคลอื่นร่วมหรือทำเป็นขวนการ
นอกจากนี้ ผู้ต้องหาบอกว่าส่วนตัวเป็นคนที่ชอบสะสมซิมโทรศัพท์มือถือ และเป็นคนทำหน้าที่ในส่วนเทคนิค คือหลังจากที่รวบรวมซิมการ์ดโทรศัพท์มือถือและบัตรประชาชนของชาวบ้านมาแล้วก็จะนำมาลงทะเบียนสมัครสิทธิเข้าร่วมโครงการคนละครึ่ง-เราเที่ยวด้วยกัน ซึ่งทำได้ไม่ยาก
อย่างไรก็ตาม คดีนี้ยังต้องใช้ระยะเวลาในการสืบสวนสอบสวนเนื่องจากมีรายละเอียดมาก ทั้งบัญชีธนาคาร ผู้ประกอบการ ร้านค้า โรงแรมต่างๆ ที่ผู้ต้องหาไปใช้สิทธิ จะต้องตรวจสอบอย่างละเอียดว่ามีบุคคลอื่นมีส่วนรู้เห็นหรือมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่ แต่เมื่อดูรายละเอียดแล้วก็ถือว่าคดีนี้ไม่มีความซับซ้อน เพียงแต่ต้องใช้เวลาในการตรวจสอบรายละเอียดให้ครบถ้วน
“เรื่องนี้เป็นนโยบายสำคัญของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งทางตำรวจภูธรจังหวัดขอนแก่นจะดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อเอาผิดต่อผู้ที่ดำเนินการสวมสิทธิโครงการของรัฐบาลทุกราย” พล.ต.ต.พุฒิพงษ์กล่าว
ทางด้านครูฝน หรือนางบุหงา สุดงูเหลือม ครูโรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.ป่าหวายนั่ง อ.บ้านฝาง จ.ขอนแก่น ซึ่งเป็นบุคคลที่ชาวบ้านกล่าวหาว่าเป็นคนชักชวนชาวบ้านรับเงิน 200 บาท แลกกับให้ถ่ายบัตรประชาชน ได้เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวน สภ.บ้านฝาง เพื่อให้ปากคำต่อกรณีที่เกี่ยวข้อง เจ้าหน้าที่ได้ทำการเก็บรวบรวมหลักฐานในโทรศัพท์มือถือซึ่งส่วนใหญ่เกี่ยวข้องและเชื่อมโยงกับครูภูผาภูมิ
เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้แจ้งข้อหากัต่อครูฝนในข้อหาร่วมกันทำลาย ซ่อนเร้น เอาไปเสีย หรือทำให้สูญหายหรือไร้ประโยชน์ ซึ่งพินัยกรรมหรือเอกสารใดของผู้อื่น ในประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือประชาชน ฯลฯ